ที่รัฐสภา วันที่ 17 ตุลาคม นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าว แสดงความห่วงใยต่อกรณีเพลิงไม้ที่อาจจะเกิดกับรถยนต์ไฟฟ้าว่า ปัจจุบันประชาชนได้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV ซึ่งใช้แบบเตอรี่ลิเทียมไอออน มากขึ้น หากเกิดเหตุเพลิงไหม้ การดับเพลิงจะทำได้ยากกว่าเหตุเพลิงไหม้ทั่วไป ทางกมธ.อุตสาหกรรมจึงได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาประสิทธิภาพการระงับเหตุเพลิงไหม้จากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขึ้นมาโดยเฉพาะ
คณะทำงานชุดดังกล่าวได้รวมรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง จากหลายภาคส่วน เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร, สมาคมดับเพลิงและช่วยชีวิต พบข้อมูลเบื้องต้นว่าประสิทธิภาพของทั้งอุปกรณ์ และสารเคมีดับเพลิงในการระงับเพลิงไหม้ที่เกิดจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนยังไม่มีความพร้อมเท่าที่ควร ดังนั้นจึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดับเพลิงที่เกิดจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เพื่อลดการสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้คณะทำงานชุดดังกล่าว พบว่าในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์ดับเพลิง หรือ ถังดับเพลิง ซึ่งอ้างว่าสามารถใช้ดับเพลิงที่เกิดจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนได้ โดยมีตรา มอก. กำกับ อย่างไรก็ดีจากการสืบสวนในทางลับ พบว่าอาจเป็นการลอบประทับตรา มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาต คณะทำงานจึงนำเรื่องมาเพื่อหารือกับคณะกรรมาธิการ ตนในฐานะประธานได้ประสานงานไปยังเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า บริษัทดังกล่าวยังไม่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก สมอ. แต่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปแล้ว ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย
นายอัครเดช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่อาจจะส่งผลร้ายในอนาคตขึ้นได้ เนื่องจากหากประชาชนใช้อุปกรณ์ดับเพลิงดังกล่าวแต่ไม่สามารถดับได้จริง ย่อมจะทำให้เกิดการสูญเสียในทรัพย์สิน และอันตรายถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนได้
ประธาน กมธ.อุตสาหกรรม กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีเอกสารหรือ การกล่าวอ้างอีกว่าบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัทในเครือ ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ที่จะต้องมีธรรมาภิบาลในการดำเนินการ จึงเรียกร้องไปยัง ปตท. ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าบริษัทที่ทำผิดกฎหมาย มอก.เป็นบริษัทในเครือหรือไม่ และขอให้ออกมาชี้แจงให้สาธารณชนทราบโดยเร็ว หากบริษัทดังกล่าวถือหุ้นโดย ปตท. จริง จะต้องมีมาตรการดำเนินการเพื่อลดความเสียหายให้กับประชาชน
ซึ่ง ปตท.ต้องชี้แจงว่าจะรับผิดชอบอย่างไร และจะดำเนินการกับผู้กระทำความผิดกฎหมายอย่างไร นอกจากนี้คณะทำงานไดทำการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องดับเพลิงหรือสารดับเพลิงของบริษัทดังกล่าวที่มีการใช้ตราสินค้ามาตรฐานอุตสาหกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ว่ามีประสิทธิภาพในการระงับเพลิงจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนหรือไม่อย่างไร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปผลเสนอมายัง คณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาอย่างเร่งด่วน
“คณะกรรมาธิการอุตสาหกรรมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถยนต์เหมือนที่เพิ่งเกิดขึ้นมากับรถแก๊สที่สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศจึงจะเร่งดำเนินการ กรณีดังกล่าวกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนต่อไป” นายอัครเดช กล่าว