ครั้งที่แล้ว”ประดู่แดง”เขียนชื่นชม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)และ ก.ตร.ว่ายึดหลักกฎหมายตำรวจ 2565 อย่างเคร่งครัดในการแต่งตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพราะใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาที
“ประดู่แดง”เจอแหล่งข่าวในแวดวงสีกากีหลายคนมีทั้งรับราชการและเกษียณอายุตั้งวงสนทนากัน อดีตตำรวจ บอกว่าจะเพิ่งชะล่าใจ เพราะตั้งตั้งแค่ตำแหน่งเดียว มีตัวเลือกน้อย หากจะแหกกฎเหมือนตั้ง ผบ.ตร.คนก่อน นายกรัฐมนตรีจะติดบ่วงถูกร้องเรียนเพิ่มโดยจำเป็น เพราะมีเรื่องถูกร้องเรียนประเด็นอื่นกองพะเนินอยู่แล้ว
แหล่งข่าวยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้รอดูการแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.-สารวัตร(สว.)ให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาบอกว่ายึดหลักกฎหมายแบบเข้มข้นหรือไม่ ที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่ามักจะเป็นไปแบบท่าดีทีเหลว เพราะคำสั่งที่ออกมาจะเป็นไปตามที่บรรดาวิ่งเต้นบอกไว้ล่วงหน้าแทบทั้งสิ้น คำสั่งที่ยึดกฎกติกาจริงๆมีแค่ระดับผู้บัญชาการ(ผบช.)ขยับเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ขยับเป็นรองผบ.ตร.เท่านั้น
“ระดับ รอง ผบช.ขยับเป็น ผบช. รองผู้บังคับการ(ผบก.)ขยับเป็น ผบก. ผู้กำกับการ(ผกก.)ขับเป็นรอง ผบก. รองผกก.ขยับเป็น ผกก. สารวัตร(สว.)ขยับเป็น รอง ผกก.และ รอง สว.ขยับเป็น สว. จะยึดหลักเกาณฑ์บ้างเฉพาะหลักอาวุโสที่กฎหมายกำหนดเท่านั้นและกลุ่มอาวุโสส่วนใหญ่ถ้าไม่วิ่งเต้นจะถูกจัดไปอยู่ฝ่ายอำนวยการหรือธุรการ ตำแหน่งหลักๆอย่าได้คาดหวัง”แหล่งข่าวสาธยายพร้อมกับว่าอาวุโสรั้งท้ายบางคนใกล้เกษียณถูกจ้างให้ลาออกเพื่อหลีกทางให้อาวุโสคนถัดไปที่เหลืออายุราชการอีกหลายปี
“ประดู่แดง”ได้แต่พยักหน้าขณะที่แหล่งข่าวอีกคนยังไม่เกษียณอายุบอกว่าการวิ่งเต้นเพื่อให้ตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือตำแหน่งที่มากด้วยผลประโยชน์เป็นเรื่องปกติของตำรวจ พอใกล้ถึงฤดูกาลจะเช็คเส้นทางหาข่าวว่าไปทางไหนจะสมประโยชน์ ในยุคที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ครองเมืองบ้านป่ารอยต่อและบ้านใหญ่ย่านโชคชัยจะคึกคักเป็นพิเศษ
“แต่ยุคนี้ตำรวจส่วนใหญ่จะมุ่งไปบ้านจันทร์ส่องหล้าและบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เพราะต่างรู้กันดีว่าเจ้าของบ้านมีบารมี ที่คนในรัฐบาลต้องคอยเอียงหูฟัง”แหล่งข่าวบอกพร้อมยกตัวอย่างและวิเคราะห์ให้พังว่า”วันที่ 6 ตุลาคม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ควงนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ภูมิใจไทย เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกรัฐมนตรีที่บ้านจันทร์ส่องหล้า สื่อหลายสำนักต่างวิเคราะห์กันว่าอาจจะมีการแบ่งเทอมการนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่แกนนำทั้งเพื่อไทยและภูมิใจไทยต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไร้สาระ
“แต่ผมมองต่างจากสื่อเหล่านั้น เพราะดูแล้วโอกาสน้อยมากยกเว้น น.ส.แพทองธาร จะเพลี่ยงพล้ำจริงๆถึงจะเกิดขึ้นได้ แต่ขอเดาว่าคงคุยหลายเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองเพราะทั้ง 3 คนจัดว่าเป็นซุบเปอร์บิ๊กเมนทางการเมือง ในหลายเรื่องนั้นน่าจะรวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กกระทรวงมหาดไทยรวมอยู่ด้วย เพราะผ่านไปแค่ 2 วัน คณะรัฐมนตรี อนุมัติโผแต่งตั้งบิ๊กมหาดไทยออกมาทันที”แหล่งข่าวคนเดิมวิเคราะห์
ขณะที่อีกคนเล่าว่าหลังได้ ผบ.ตร.แล้วตำรวจทั้งส่วนกลางและภูธรต่างหาข้อมูลว่ารัฐบาลจะยึดแนวทางการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างไร เพื่อใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือเพื่อให้นโยบายที่ประกาศไว้บรรลุเป้าหมายโดยเฉพาะนโยบายปราบปรามยาเสพติด ต่างวิเคราะห์กันว่ามีโอกาสที่จะใช้มาตรการเดียวกับในยุคที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เในยุคนั้นมีการนำผ้าขาวและดอกไม้จันทน์วางไว้หน้าบ้านพ่อค้ายาเพื่อสื่อว่าถ้าไม่เลิกมีทางเดียวคือขึ้นเมรุ ซึ่งเวลานี้มีการแชร์ในสื่อโซเซียลกันบ้างแล้ว
“หากจะทำลักษณะดังกล่าวจริง ต้องจัดวางกำลังประเภทใจถึงพึ่งได้สำหรับผู้นำหน่วยเพื่อคอยเป็นกำแพงเหล็กให้ผู้ปฏิบัติได้พิงอย่างไม่หวั่นไหว เชื่อว่าคงมีตำรวจอาสาที่จะทำเพราะนอกจากได้ทั้งตำแหน่งแล้วยังช่วยขจัดความทุกข์ให้กับประชาชนที่ลูกหลานตกเป็นทาสยาเสพติดอีกทางหนึ่งด้วย ที่สำคัญจะช่วยให้นโยบายของรัฐบาลเห็นผลอีกต่างหาก”แหล่งข่าวระบุ
ข้อความจากวงสนทนาที่นำมาถ่ายทอด เป็นเพียงความเห็นและการวิเคราะห์จากข้อมูลที่แต่ละคนได้ยินได้ฟังมา เท็จจริงประการใดต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ในความเห็นโดยรวมพอที่จะทำให้เห็นภาพการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รอง ผบ.ตร.-สว. ว่าจะไปในทิศทางไหน หากจะวางกำลังเพื่อทำศึกกับยาเสพติด คงจะเข้าทางตำรวจนักบู๊และบุ๋น แต่ตำรวจสายบุ๋นที่โตแบบบ่มแก๊สอาจจะคิดหนักว่าจะอาสาหรือเลี่ยงทหาตำแหน่งอื่น แต่คงจะหาแนวทางวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ตำแหน่งอยู่ดี
“ประดู่แดง”จึงขอทำนายว่านับจากนี้เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่และได้นั่งตำแหน่งที่มากด้วยผลประโยชน์ พอนุมานได้ว่าถนนทุกสายคงจะมุ่งตรงสู่บ้านจันทร์ส่องหล้าและบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เหมือนในอดีตที่ถนนทุกสายมุ่งตรงบ้านป่ารอยต่อและบ้านใหญ่ย่านโชคชัย 4
แต่ในยุคนี้อยากให้ผู้มีอำนาจพึงสังวรว่าจะแต่งตั้งแบบตามอำเภอใจเหมือนอดีตที่ผ่านมานั้นคงลำบากเพราะกฎหมายตำรวจฉบับนี้บัญญัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายไว้ค่อนข้างรัดกุม ถ้าแหกกฎแบบน่าเกียจเชื่อว่าตำรวจที่คุณสมบัติครบแต่พลาดหวังคงพลิกตำราสู้ ถึงเวลานั้นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.)ต้องรับบทหนักแน่นอน !!!