ติดความเคลื่อนไหวของสื่อสำนักต่างๆรวมถึงนักวิชาการและบุคคลากรที่เกี่ยวข้องในแวดวงสีกากีไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.)บางคน ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)พบว่าค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกันว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัช พันธุ์เพ็ชร รองผบ.ตร.รักษาการผบ.ตร.คุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายตำรวจ 2565 กำหนด ไม่ว่าจะเป็นหลักอาวุโส ความรู้ความสามารถ มีโอกาสสูงนั่งแท่นเจ้าสำนักปทุมวัน
ประกอบในช่วงที่นั่งรักษาการแทนผบ.ตร.ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ โชว์ผลงานได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านให้การตอบรับ รวมถึงตำรวจต่างยอมรับว่าเป็นช่วงที่มีความสุขในการทำงาน แถม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยเชิญไปหารือที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมมอบนโยบายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ไปดำเนินการ
ดังนั้นการประชุม ก.ตร.ที่คาดหมายกันว่าจะมีขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ นายกรัฐมนตรีต้องเสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ให้ ก.ตร.ลงมติเลือกเป็นผบ.ตร. เพราะเชื่อว่าการตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นผบ.ตร.ปัญหาการโต้แย้งเกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมายจะไม่มีและรัฐบาลไม่ต้องมากังวลกับการร้องเรียนของบรรดานักร้องทั้งหลายที่คอยหยิบทุกเรื่องขึ้นมาร้องเรียน และจะช่วยสร้างความหวังให้กับตำรวจทั้งประเทศว่าการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบ.ตร.-สารวัตร จะยึดกฎ กติกาและกฎหมายอย่างเคร่งครัด
สำหรับ ผบ.ตร.คนใหม่ คงต้องรับภาระหนักในขับเคลื่อนองค์กรสีกากี เพราะที่ผ่านมาภาพลักษณ์ค่อนข้างติดลบหนักไปในทางประชาชนขาดความเชื่อถือ เนื่องจากต้องเผชิญกับวิกฤตความขัดแย้งภายในองค์กร การบริหารจัดการขาดเอกภาพ ผู้นำหน่วยขัดแย้งแทงข้างหลังกันจะแทบจะไม่มีเวลาที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชน ตำรวจหลายหน่วยงานอยู่ในอาการเกียร์ว่าง
แต่ยังโชคดีที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การนำชอง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ยืนเป็นมวยหลักนำทัพสอบสวนกลางลุยสางคดีสำคัญๆไม่ว่าจะเป็นคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตามหลอกตามหลอนสุจริตชน โดยมีผลงานจับกุมออกมาเป็นระยะๆอาทิ จับกุมสาวชาวกระบี่ เปิดบัญชาม้าหลอกให้ลงทุน หรือคดีแม่ตั๊กป๋าเบียร์ จับกุมแจ้งข้อหาและร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ลุยยึดทรัพย์ หรือคดีฉ้อโกงภายในบริษัทมูลค่านับพันล้านที่หุ้นใหญ่เข้าร้องเรียนให้ช่วย ซึ่งเกี่ยวพันกับอดีตนายทหารเรือ มีการจ้างวานให้ฆ่าลูกและเมีย เพื่อฮุบผลประโยชน์ รวมถึงบุกจับคดีค้างเก่าอีกจำนวนมากเช่นเดียวกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล
โดยกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคร
บาล (บก.สส.บช.น.)ภายใต้การนำของพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.พร้อมทีมงานลุยสะสางคดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ จับกุมสาวหล่อ สมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ประจำประเทศแคนาดา หลอกผู้ปกครองนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาอยู่ที่แคนาดาว่าใช้หนังสือเดินทางปลอม ให้ผู้ปกครองโอนเงินจำนวน 6,000,000 บาทให้ตรวจสอบ หรือแกะรอยจับกุมแก๊งไฮบริดสแกน เป็นแอปหาคู่หลอกให้รักแล้วชวนลงทุนเทรดเงินดิจิทัล รวมถึงการสืบสวนจับกุมคดีค้างเก่าอีกจำนวนมาก
ผลงานทั้งสองกองบัญชาการสร้างความอุ่นใจให้กับสุจริตชนแบบพอกู้หน้าให้กับองค์กรสีกากีที่ผู้บริหารหรือผู้นำอยู่ในสถานะเป็ดง่อย ได้ระดับหนึ่ง
ส่วนกองบัญชาการภาค 1-9 โดยเฉพาะกองบังคับการสืบสวนฯที่เป็นกำลังหลักในการสืบสวนคดี แทบจะไม่ได้โชว์ผลงานใดๆเลย ในทางตรงข้ามบาง บก.สส.ฯกลับมีเสียงนินทาว่ามุ่งแสวงหาผลประโยชน์กับธุรกิจสีเทา โดยเฉพาะแก๊งพนันออนไลน์หรือการพนันในรูปแบบต่างๆมีกระจายอยู่เกือบทุกพื้นที่ สร้างปัญหาให้กับชาวบ้านอย่างหนักเพราะลูกหลานต่างตกเป็นทาสพนันเหล่านี้ มีเงินเพียงแค่ 20,50หรือ 100 บาท สามารถแทงพนันผ่านโทรศัพท์มือถือได้แล้ว
ขณะที่คดีอาชญากรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นลัก วิ่ง ชิง ปล้น หรือคดีอุฉกรรจ์ แทบจะไม่มีให้เห็นว่าตำรวจทั้งระดับโรงพัก กองสืบฯและบก.สืบสวน จะช่วยกันสะสางคดีให้ผู้เสียหายรับรู้ได้ว่าตำรวจเอาใจใส่ที่สืบคดีให้คืบหน้าเลย หลายคดีผู้เสียหายไปติดตามพบว่าไร้ความคืบหน้า บางครั้งถูกตำรวจแสดงอาการไม่พอใจอีกต่างหาก
ผลพวงเหล่านี้กลายเป็นเหตุให้บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ แจ้งเกิดกันจำนวนมาก แม้แต่ตำรวจเองพอรู้ว่าคดีเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ยังแอบแนะนำให้เหยื่อไปร้องกับพวกอินฟลูเอนเซอร์ให้ช่วยตีปิ๊บหรือช่วยจี้ให้ตำรวจช่วยเร่งรัดคดีให้อีกต่างหาก
จากช่องว่างนี้กลายเป็นช่องทางให้อินฟลูเอนเซอร์บางกลุ่ม บางคนที่โด่งดังแล้วเกิดอาการกร่างและบางอินฟลูเอนเชอร์ใช้เป็นช่องทางหาผลประโยชน์ทั้งจากเหยื่อและคู่กรณี บางจังหวะแอบไปตบทรัพย์จากตำรวจอีกต่างหาก
ที่ยกมานำเสนอเป็นปัญหาเพียงบางส่วนที่องค์กรสีกากีกำลังเผชิญอยู่ และปัญหาเหล่านี้ได้ฝังรากลึกมาเกือบสิบปี เพราะนับแต่เผด็จทหารครองเมืององค์กรตำรวจกลายเป็นพื้นที่แสวงหาผลประโยชน์ของแกนนำเผด็จทหารบางคนมีตำรวจระดับนายผลเป็นร่างทรง โดยผบ.ตร.เป็นแค่เจว็ด
ดังนั้นคงเป็นโจทก์ข้อใหญ่ข้อหนึ่งที่ผบ.ตร.ต้องใช้ศักยภาพความเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาถ้าแก้ได้จะช่วยลดปัญหาภายในสำนักสีกากีได้เกินครึ่ง แต่จะสำเร็จหรือไม่ คงวัดได้จากพวกอินฟลูเอนเซอร์ว่างงาน !!!