“รรท.ผบ.ตร.”สั่งไล่ล่าอดีตนักมวยจับตัวประกันยิงต่อสู้ตำรวจหลังฝ่าวงล้อมหลบหนี !!

275

รักษาราชการแทน ผบ.ตร. สั่งไล่ล่าอดีตนักมวยจับบุกเข้าบ้านหมอจับ2ตัวประกัน ซ.อินทามระ29 ก่อนตำรวจช่วยตัวประกันปลอดภัย แต่คนร้ายฝ่าวงล้อมหลบหนีไปได้-ส่วนเมียยอมมอบตัวแล้ว

กลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายแต่งกายชุดลายพราง สวมเสื้อเกาะ พร้อมอาวุธปืน บุกเข้าไปในบ้านพักแห่งหนึ่งในซอยอินทามระ 29 แยก 1 ซึ่งในบ้านมีคนพักอาศัยอยู่ 3 คน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. โดยคนร้ายทราบชื่อต่อมาคือนายสันติ (เจ๊ะอะหลี) อายุ 38 ปี ซึ่งมีหมายจับของศาลอาญาในความผิดฐานลักทรัพย์ , บุกรุกในเวลากลางคืน ในท้องที่ของ สน.เตาปูน เบื้องต้นตำรวจได้ทำการจะจับกุมตามหมายจับ แต่ผู้ต้องหาขัดขืนและยิงสกัดต่อสู้จนหลบหนีมาในบ้านพักหลังดังกล่าว โดยในบ้านมีผู้หญิง 1 คน และผู้ชายอีก 2 คน  โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นได้ว่า ผู้ต้องหาได้มีการพยายามปีนกำแพงเข้าไปหลบหนีในบ้าน และเมื่อเข้าไปในบ้านก็ไม่ได้มีเจตนาหรือมีความต้องการที่จะจับคนในบ้านเป็นตัวประกันแต่อย่างใด

ขณะที่ทางด้านเฮียตี๋ ซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของผู้ต้องหาให้เปิดใจกับทีมข่าวว่า ผู้ต้องหาเคยเป็นนักมวย ใช้ชื่อในวงการว่าฤทธิเดชใหม่เมืองคอน แต่พอเลิกชกมวยตนก็ได้ว่าจ้างให้มาเป็นครูฝึกสอนที่ค่ายมวยของตนย่านอินทามระ แต่ก็อยู่ด้วยกันเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผู้ต้องหาไม่เคยมีพฤติกรรมความรุนแรงให้เห็นแต่อย่างใด แต่ที่อยู่ด้วยกันไม่ได้เป็นเพราะเพราะผู้ต้องหามีพฤติกรรมชอบลักทรัพย์ มีหลายครั้งที่ขอใช้ส่วนตัวของนักมวยในค่ายหายไป และผู้ต้องหามีพฤติกรรม เสพยาบ้าเป็นประจำ จนทำให้ตนต้องไล่ออกไป หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันเพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ตำรวจนครบาล และหน่วยอรินทราชติดอาวุธครบมือ ได้เข้ามาร่วมกันระงับเหตุ

กระทั่งเวลาประมาณ 00.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจสามารถช่วยเหลือ ผู้ที่อยู่ในบ้านได้ทั้ง 2 คน โดยทั้งคู่อาการปลอดภัย จากการตรวจสอบพบเป็นชายสองคนอาชีพนายแพทย์ อายุ 30 และ 31 ปี ซึ่งทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ส่วนคนที่อยู่ในบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงอีก 1 คนนั้น ทราบว่าได้หนีออกมาตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดเหตุแล้ว  ส่วนผู้ต้องหาพบว่าหลบหนีไปได้ผ่านทางช่องระบายอากาศ ก่อนจะปีนออกไปที่บริเวณด้านหลังของบ้าน ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามไล่ล่าเส้นทางการหลบหนียืนยัน ว่าฝ่ายสืบสวนมียุทธวิธีในการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี จากที่สังเกตการณ์พบ ผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครต้องการเพียงแค่จะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. เตาปูนเพียงเท่านั้น

ขณะที่ในเวลาไล่เลี่ยกัน พบว่าภรรยาของ นายสันติ ได้ใช้อาวุธข่มขู่ว่าจะทำร้ายตัวเอง หลังเกิดภาวะเครียดจากการที่สามี ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมจับกุม โดยเหตุดังกล่าวอยู่ที่อาคารร้างแห่งหนึ่ง บริเวณแยกสุทธิสาร ริมถนนวิภาวดี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ นายสันติ ถูกปิดล้อมไม่ไกลมากนัก หลังจากใช้เวลาเกลี้ยกล่อมกว่า 2 ชั่วโมง พบว่าภรรยาผู้ต้องหาได้ยินยอมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ แต่ได้ใช้อาวุธพยายามขู่ทำร้ายตัวเองพร้อมขึ้นรถไปกับตำรวจ 1 นาย ก่อนที่ตำรวจคนดังกล่าวจะขับรถออกจากจุดเกิดเหตุไปพร้อมกับภรรยานายสันติ โดยมีรายงานว่ารถคันดังกล่าวขับมุ่งหน้าไปทางจังหวัดนครนายก โดยมีรายงานว่า ภรรยานายสันติ มีอาการเครียดจากการที่สามีตนเองถูกตำรวจล้อมจับ ทำให้ทางตำรวจต้องเข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อมเพื่อให้สงบสติอารมณ์

ช่วงประมาณ 02.30น.ภรรยา นายสันติ ได้ยินยอมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทว่าได้จี้เอาตำรวจนายดังกล่าวเป็นตัวประกันอีก 1 นาย ก่อนจะนำตัวขึ้นรถตำรวจ 191 แล้วบังคับให้ขับรถหลบหนีไป โดยเบื้องต้นมีรายงานข่าวว่า ได้ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางคลอง 7 จ.นครนายก

ต่อมาในเวลา 03.45 ภรรยานายสันติ ได้ขับหลบหนีไปยังพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อาจะจอดรถทิ้งไว้บนถนนธัญบุรี แล้วหลบหนีเข้าพงหญ้าข้างทาง ซึ่งตำรวจ สภ.วังน้อย และตำรวจภูธรภาค 1 ได้ประสานกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่และขอไฟสว่างในการส่องพื้นที่ ขณะที่ตำรวจที่จี้มาด้วยนั้น มีรายงานว่าพบตัวแล้วและอยู่ในภาวะปลอดภัย

หลังจากใช้เวลาปิดล้อมพื้นที่นานกว่า 2 ชั่วโมง โดยได้มีการระดมตำรวจจาก สภ.วังน้อย สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และหน่วยอินทราช 26 เข้าปิดล้อมพื้นที่ โดยใช้โดรนในการบินค้นหา เวลาประมาณ 05.40 เมียของนายสันติ ได้ก่อเหตุจี้รถตำรวจ 191 แล้วหลบหนีมาถึงถนนธัญบุรี อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะจอดรถทิ้งไว้แล้วหลบเข้าพงหญ้าข้างทาง ได้ตัดสินใจปรากฏตัวต่อหน้าตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้พยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้เมียนายสันติวางอาวุธปืน ซึ่งเมียนายสันติยังไม่มีท่าทีที่จะวางอาวุธปืน ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องพยายามพูดจาเกลี้ยกล่อมอย่างต่อเนื่อง โดยได้ประสานให้อดีตนายจ้างของนายสันติพูดจาเกลี้ยกล่อม ต่อมาเวลา 05.50 น. โดยประมาณ ภรรยา นายสันติ ยอมวางอาวุธปืนและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยภรรยานายสันติ มีอาการร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้สติ อดีตนายจ้างนายสันติจึงต้องพูดคุยเพื่อปลอบสติ โดยพบว่า เมียนายสันตินั้นมีบาดแผลที่ส้นเท้าซ้ายจากการถูกเศษแก้วบาดตั้งแต่ตึกร้างแยกสุทธิสารเมื่อคืน โดยได้มีการประสานรถพยาบาลจากโรงพยาบาลตำรวจมารับตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูท่อจิตใจต่อไป ทั้งนี้ ทราบชื่อภายหลังว่า เมียนายสันติชื่อว่า น.ส.พจนีย์ ยังไม่ทรายอายุ โดยหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดกั้นพื้นที่ เพื่อให้พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาอาวุธปืนและร่องรอยที่หลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ บช.น. ให้ข้อมูลว่า ตัวของ น.ส.พจนีย์ ภรรยานายสันตินั้น เกิดความเครียด งจากการที่นายสันติ ผู้เป็นสามี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งถูกล่าตัวตามหมายจับ จึงทำให้ น.ส.พจนีย์ นำอาวุธปืนลูกโม่ ขนาดจุด 38 (.38) ออกมาก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ตนเองและพยายามจะฆ่าตัวตาย นอกจากนั้น ทางผู้บังคับการอย่างเปิดเผยต่ออีกว่า ตลอดเวลาที่ น.ส.พจนีย์ อยู่ในรถกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าตัวไม่ได้มีการนำอาวุธปืนออกมาจี้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด แต่ใช้อาวุธปืนจ่อไปที่ตนเองตลอดเวลา เมื่อมาถึงบริเวณ ถนนธัญบุรี ต.ข้าวงาม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ทางด้านของ น.ส.พจนีย์ จึงตัดสินใจเปิดประตูรถและกระโดดออกมาจากรถเพื่อหลบหนีข้างทาง ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่ฟ้ามืด ทำให้ยังไม่สามารถหาตัวเจอได้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการปักธงเอาไว้แล้วว่า ตัวของผู้ก่อเหตุอีกไม่ได้หนีไปไหนไกล

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการใช้โดรนจับความร้อนบินขึ้น เพื่อตรวจสอบหาดูว่า น.ส.พจนีย์ หลบอยู่บริเวณไหน เมื่อเจอตัวแล้วจึงได้มีการเข้าระงับเหตุทันที ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าที่ตำรวจกำลังรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุและจะมีการค้นหาปืนที่ น.ส.พจนีย์ ใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้ด้วย เนื่องจากว่าปืนยังตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ

ซึ่งหลังจากที่สามารถหาปืนได้แล้ว ทางตำรวจะนำปืนไปตรวจสอบหาว่า เจ้าของปืนเป็นใครและปืนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้น การกระทำของ น.ส.พจนีย์ นั้นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป โดยในคดีนี้นั้น ทางตำรวจ สน.บางซื่อ จะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนพื้นที่ สภ.วังน้อย จะทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจ สน.บางซื่อต่อไป หลังจากนี้รายละเอียดของคดีที่เกิดขึ้น ทางด้านของ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. จะมีการแถลงต่อสื่อมวลชนอย่างละเอียดที่ สน.บางซื่อ ต่อไป

เจ้าของบ้านถูกอดีตนักมวยปีนขึ้นบ้านลักทรัพย์ยอมรับหวาดกลัว หลังคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ฝ่าวงล้อมตำรวจหลบหนีไปได้ วอนตำรวจเร่งล่าตัว

ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าของบ้านผู้เสียหายที่ถูกนายสันติ (สงวนนามสกุล) อดีตนักมวยชื่อดัง เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบ้าน ย่านเตาปูน (ภายในซอยประชาราษฎร์ ซอย2) เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ก.ย.67 ก่อนที่ตำรวจ สน.เตาปูน จะรวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับ พร้อมนำกำลังเข้าติดตามจับกุมเมื่อคืนที่ผ่านมา และคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่

เจ้าของบ้านเล่าว่า ส่วนตัวเชื่อว่าคนร้ายเป็นมืออาชีพที่มีพฤติกรรมขับรถจักรยานยนต์ตระเวนมาดูลาดเลา บริเวณที่พักอาศัยของตน จากนั้นได้นำรถจักรยานยนต์มาจอดก่อนจะเดินเท้าและปีนกำแพงมาภายในบ้านพร้อมกับใช้คีมตัดสายยูประตูทางเข้า จากนั้นก็รื้อทรัพย์สินภายในตู้ไม้โบราณ โดยสามารถนำทรัพย์์สินของมีค่า เช่น พระพุทธรูป 12องค์ พระเครื่อง12 องค์ กระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่าหลายแสนบาท และไวน์ยี่ห้อดัง 1 ขวด และอาวุธปืน 1 กระบอก จากนั้นเดินขึ้นไปรื้อทรัพย์สินชั้น 2 คาดว่าใช้เวลาอยู่ในบ้านเป็นชั่วโมงก่อนหลบหนี จนกระทั่งตำรวจสามารถสืบสวน จนทราบว่าคนร้ายได้มีนำทรัพย์สินดังกล่าวไปฝากไว้กับคนรู้จัก ในพื้นที่ย่านวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ ตำรวจจึงนำกำลังเข้าไปจับกุมตัวคนที่รับฝาก พร้อมสามารถยึดของกลางบางส่วนคืนได้ จากนั้นศาลก็ได้อนุมัติออกหมายจับ นายสันติ ฐานความผิดลักทรัพย์เวลากลางคืน โดยทำลายสิ่งกีดขวาง

จนกระทั่งต่อมาทราบว่าคนร้ายคนดังกล่าว มายิงต่อสู้ขัดขวางการจับกุมเจ้าหน้าที่ ก็รู้สึกตกใจ และเชื่อว่าพฤติกรรมคนร้ายมีความโหดเหี้ยมแม้กระทั่งตำรวจก็ยังกล้ายิงต่อสู้และแหวกวงล้อมหลบหนีไปได้ จนทำให้เกิดความหวาดกลัว เกรงว่าครอบครัวตนเองจะไม่มีความปลอดภัย วอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวอาชญากรรมวันนี้