เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2567 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช “ผู้กองมาร์ค” รองประธานคณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ กล่าวว่า กว่า 10 ปีแล้วที่ประเทศไทยประสบปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานและทำให้คนไทยเสียชีวิตเร็วเกินกว่าที่กำหนด โดยเฉพาะในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งหลายจังหวัดในภาคเหนือ ซึ่งตอนนี้มีหลายพื้นที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วม แต่พอหมดฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาวไปจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปีถัดไป ประชาชนก็ต้องกลับมาต่อสู่กับปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ต่อไปและส่วนใหญ่ปริมาณจะเพิ่มขึ้นทุกปี

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยด้วยโรคจากมลพิษทางอากาศรวมกว่า 10 ล้านคน ซึ่งตนยึดหลักการตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN) ว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ต้องมี SDG3 ประชาชนต้องมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี SDG7 พลังงานสมัยใหม่ในราคาที่ซื้อหาได้ เชื่อถือได้และยั่งยืน SDG11 เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความปลอดภัย ทั่วถึง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและยั่งยืน และ SDG13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีโครงสร้างอำนาจ มีหน่วยงานเฉพาะทำงาน ติดอาวุธเพิ่มให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการปัญหาได้ทันที แก้ปัญหามลพิษ อาทิเช่น กองทุน เพื่อให้การแก้ไขปัญหารวดเร็วและต่อเนื่อง เพราะหลากหลายปัญหาไม่สามารถรอได้ กฎหมายต้องมีเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ยืดหยุ่น เปิดทางเลือกให้ลดการปล่อยมลพิษ บทเรียนตัวอย่างจากประเทศที่มีกฎหมายแล้ว ทั้งประเทศที่ประสบผลสำเร็จและประเทศที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

“คณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ กำลังเร่งพิจารณาร่างฯ เพื่อเป็นหลักประกันให้คนไทยกลับมาสูดอากาศที่ดีต่อลมหายใจ (Right to Breath Clean Air) โดยประชาชน เพื่อประชาชน เพราะบุคคลมีสิทธิที่จะดำรงชีวิตด้วยอากาศสะอาดที่ไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพและไม่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยเพราะมีสิทธิในสุขภาพและสิทธิในชีวิต อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการคุ้มครองในฐานะสิทธิมนุษยชน ตนเชื่อว่าคนไทยเป็นคนดีคนเก่ง สามารถแก้ไขได้ทุกปัญหาหากทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไข และเดินหน้าทำงานด้วยกันเพื่อประชาชน“ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #พ.ร.บ.อากาศสะอาด #ร.ต.อ.วัฒนรักษ์อำนรรฆสรเดช #ผู้กองมาร์ค #พปชร.