อดีตรองมิสแกรนด์ฯโผล่แล้ว หอบกระเช้าขอโทษผู้เสียหาย ขับรถชนกวาด 3 คัน“ผู้เสียหายยังข้องใจ”ตรวจแอลกอฮอล์ช้า

363

วันนี้ 23 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายถึงความคืบหน้า คดี น.ส.นภสร พันธุ์เกษม หรือ ลดา อายุ 28 ปี รองมิสแกรนด์ เชียงใหม่ ปี 2020 และรองอันดับ 2 มิสแกรนด์เชียงราย ปี 2019 ได้ขับรถชนมีผูับาดเจ็บ 4 รายขณะนั่งอยู่ข้างถนน ในพื้นที่ สน.ห้วยขวางเมื่อ คืนวันที่ 15 กันยายน 2567 เวลา 02.00 น.นั้น

พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า นอกจากตรวจปริมาณแอลกอฮอล์คนขับ ยังได้ทำบันทึกให้โรงพยาบาลตรวจสารเสพติดด้วย ซึ่งยังรอผลตรวจอยู่ ขณะเดียวกันวันนี้ได้นัดหมายประกันภัย เข้าตรวจสอบรถยนต์และประเมินความเสียหาย

ด้าน นายสุรเดช มณีไพศาลสกุล ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ได้ เดินทางมา สน.ห้วยขวาง เพื่อแจ้งว่าเนื่องจากรถจักรยานยนต์ผู้แจ้งได้รับความเสียหายโดยผู้แจ้งไม่มีรถจักรยานยนต์ที่จะใช้ทำงานประกอบกับของผู้แจ้งชนอย่างรุนแรงหรืออาจถูกเหยียบทำให้รถเสียศูนย์ได้ ผู้แจ้งซึ่งเห็นว่าหากซ่อมรถจักรยานยนต์ก็ไม่อาจกลับมาใช้งานได้ปกติอย่างเหมือนเดิม จึงได้ทำการซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ จึงต้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 180,000 บาท จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปเอกสารฉบับนี้แสดงว่า ว่าที่ พ.ต.ต. ปฏิณวิช เสนาแปลง ได้รับคำแจ้งความไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ต่อมา น.ส.นภสร พร้อมตัวแทนประกันภัยรถยนต์ และเจ้าของรถ ได้เดินทางมามอบกระเช้าให้ผู้เสียหาย และพูดคุยเจรจรากัน ระหว่างอยู่ที่ห้องสืบสวน เจ้าตัวเปิดเผยสั้นๆ ว่า อยากจะขอโทษจริงๆ เพราะหลังจากเกิดเหตุตนไม่ได้ลงรถไปดูผู้เสียหาย เพราะตอนนั้นตนเกิดอาการตกใจ แล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อหาผู้เสียหายจนมาถึงวันนี้

นายณัฐธยาน์ ขุนประดิษฐ์ ทนายความฝั่งผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ที่มาวันนี้หลักๆ คือต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย จยย.พังไป 3 คัน ตอนนี้น้องๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ สามารถเดินได้แล้ว แต่ยังไม่คล่องเท่าไหร่ ส่วนสภาพจิตใจยังช็อคกันอยู่

ทั้งนี้ ผู้เสียหายมองว่าระยะเวลาการแอลกอฮอล์ ค่อนข้างนานเกินไป เพราะว่าเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ตี 02.30 น. แต่มาตรวจตอน แต่เพิ่งมาตรวจตอน 06.00 น. และอีกวันหนึ่งจึงมาเรียกร้องเพิ่มเติม ให้ตรวจเลือด ตำรวจจึงติดต่อไปทางโรงพยาบาล เพื่อให้ได้ตรวจเลือดหาสารเสพติด

โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ประจวบ วงษ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รรท.รอง ผบ.ตร.(มค.กศ) เปิดเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว ตนได้ทราบเรื่องจากสื่อแล้ว จึงได้สั่งการตรวจสอบตามลำดับชั้นให้เร่งดำเนินคดีแก่ผู้ก่อเหตุและเร่งสอบสวนผู้เสียหาย ผูัได้รับบาดเจ็บ โดยยึดหลักกฏหมายเป็นหลัก ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อจะได้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ก่อเหตุและผู้เสียหาย อย่างตรงไปตรงมา แล้วรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว

สำหรับคดีนี้เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.30 น.ของวันที่ (15 ก.ย.) ตำรวจ สน.ห้วยขวาง รับแจ้งอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บริเวณระหว่างซอยประชาอุทิศ 10-12 ถนนประชาอุทิศ แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบรถจักรยายยนต์ล้มระเนระนาด เสียหาย รวม 3 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย คือนายประสิทธิ์ พันวิลัย, น.ส.วิภาวรรณ มาเหม็น และนายณัทภัค ชื่นเขียว ส่วนอีกรายไม่ทราบชื่อ ซึ่งพลเมืองดีได้ช่วยกันนำส่งรักษาตัวยังโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ ใกล้กันพบรถคู่กรณี เป็นรถยนต์ ยี่ห้อ Deepal S07 สีดำ หมายเลขทะเบียน 5 ขน 7451 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพกันชนหน้าด้านซ้ายแตกยุบ จอดอยู่ มี น.ส.นภสร พันธุ์เกษม หรือ ลดา อายุ 28 ปี รองมิสแกรนด์ เชียงใหม่ ปี 2020 และรองอันดับ 2 มิสแกรนด์เชียงราย ปี 2019 เป็นคนขับ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่

จากการสอบสวนทราบว่า ช่วงเวลาดังกล่าว น.ส.นภสร พันธุ์เกษม ได้ขับรถยนต์ ยี่ห้อ Deepal S07 สีดำ หมายเลขทะเบียน 5 ขน 7451 กรุงเทพมหานคร มาจากแยกเหม่งจ๋าย มุ่งหน้าประชาอุทิศซอย 8 อย่างรวดเร็ว กระทั่งเกิดเฉี่ยวชนรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ข้างทาง ทำให้ทั้งคนและรถเสียหาย และเฉี่ยวชนคนเดินเท้าได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว น.ส.นภสร พันธุ์เกษม มาสอบปากคำที่ สน.ห้วยขวาง ทางพนักงานสอบสวนจึงตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์เบื้องต้น แต่ผลปรากฎว่าเป็น 0 % ไม่พบแอลกอฮอล์ในร่างกายแต่อย่างใด

ต่อมาวันที่ 19 ก.ย. เวลา 15.00 น.ที่สน.ห้วยขวาง กลุ่มญาติของผู้บาดเจ็บทั้ง 4 ราย เดินทางเข้าให้ข้อมูล กับ พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง และสอบถามความคืบหน้าทางคดี

โดย พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บทั้ง 4 รายนั้น มี 3 รายเดินทางออกจาก รพ.ตั้งแต่วันแรกแล้ว และอีก 1 รายที่ยังคงอยู่สังเกตอาการ แต่หมอจะให้กลับภายในวันนี้เช่นกัน เนื่องจากรู้สึกเจ็บซี่โครง ส่วน น.ส.นภสร ผู้ก่อเหตุ ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ ในวันเกิดเหตุ ว่า รู้สึกเจ็บหน้าอก จึงให้ไปตรวจรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ส่วนความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้สอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว 2 ปาก และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย เป็นเด็กอายุ 18 ปี และต่ำกว่า 18 ปี ที่ต้องรอนัดสอบปากคำพร้อมสหวิชาชีพวันพรุ่งนี้ ส่วนน.ส.นภสร ผู้ก่อเหตุยังแอดมิดอยู่ที่ รพ. ซึ่งวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปขอสอบปากคำที่ รพ. แต่ผู้ก่อเหตุยังไม่สะดวก โดยวันพรุ่งนี้จะเข้าไปขอสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไปนั้น

ซึ่งในวันนั้นฝ่ายผู้บาดเจ็บและผูัเสียหายหายเปิดเผยว่า ได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบความความคืบหน้าหน้าเพราะผู้ก่อเหตุยังไม่เคยประสานมาแสดงความรับผิดชอบใดๆกับผูับาดเจ็บ และทรัพย์สินรถจักรยานยนต์ เกิดจากความเสียหาย ขณะเดียวกันผู้เสียหาย ได้สอบถามหลักฐานเอกสารที่พนักงานสอบสวนแจ้งว่าเป่าตรวจแอลกอฮอ ว่าตรวจไม่พบ พร้อมทั้งขอดูผลการตรวจเลือดว่ามีสารเสพติดหรือไม่ ในฐานะกลุ่มดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเพราะเป็นผู้เสียหาย แต่กลับถูกปฎิเสธที่จะให้ดูหลักฐานดังกล่าว อ้างว่าเป็นหลักฐานสำคัญในสำนวนคดี จึงทำให้กลุ่มผูัเสียหายของพวกตน ไม่สบายใจกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงวอนให้หน่วยงานตามสายบังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจตำรวจแห่งชาติ ลงมาตรวจสอบกรณีดังกล่าว และถ้าหากผลยังเงียบ กลุ่มของตนก็จะเข้าร้องทุกข์ต่อองค์กรอิสระต่างๆเพื่อเรียกร้องตามสิทธิ์ต่อไป เพราะสังคมตำรวจยังเป็นแบบนี้ ประชาชนก็จะหมดศรัทธา ต่อตำรวจมากยิ่งๆขึ้นไป“ผูัเสียหายรายหนึ่งกล่าว

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวอาชญากรรม