วันที่ 1 ตุลาคมนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)ต้องนั่งรักษาราชการ ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เกษียณอายุ ในฐานะ รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1
หลังวันที่ 2 ตุลาคม เป็นต้นไปชาวสีกากีคงต้องลุ้นด้วยความระทึกว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)จะนัดประชุม ก.ตร.เพื่อลงมติโหวตเลือก ผบ.ตร.คนใหม่วันไหน ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายที่มีผลตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งตามกฎหมายตำรวจ 2565 หมวด 3 ว่าด้วยการการบรรจุ แต่งตั้ง และการเลื่อนขั้นเงินเดือน มาตรา 77 (1)ระบุว่าตำแหน่งผบ.ตร. จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.อ.ซึ่งดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติหรือรองผบ.ตร.
มาตรา 78 ระบุว่าการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77(1) ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรี คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 77(1) โดยคำนึงถึงอาวุโสความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์งานสืบสวนสอบสวนหรือป้องกันแลปราบปรามอาชญากรรม เสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง
หากส่องรายชื่อ พล.ต.อ.ที่แคนดิเดต ผบ.ตร.เพียง 3 นาย ประกอบด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร.มีอาวุโสอับดับ 1 คนต่อมา พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสอันดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 3 ตามปกติแล้วจะมี รองผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ รวม 5 นาย แต่เนื่องจากกฎหมาย 2565 เพิ่งประกาศใช้และต้องรอ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฉบับใหม่บังคับใช้จึงไม่มีการแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างนั่นคือตำแหน่ง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ข้ามห้วยไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)และตำแหน่ง พล.ต.อ.สุรเชชฐ์ หักพาล ที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการ
หาก น.ส.แพทองธาร ยึดตามมาตรา 77 (1)และมาตรา 78 จะมีชื่อ พล.ต.อ.ให้เลือกแค่ 3 นาย ถ้ายึดกฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยใช้หลักอาวุโสตามด้วยความรู้ความสามารถ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะแบเบอร์นั่งแท่น ผบ.ตร.แบบไร้ข้อกังขา แนวทางนี้จะสร้างขวัญกำลังใจให้กับตำรวจทั้งประเทศและน.ส.แพทองธารจะไม่ละเมิดกฎหมายอีกต่างหาก แต่การแต่งตั้งโยกย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมักจะเหตุการณ์พิสดารพันลึกด้วยการหาช่องว่างทางกฎหมายเพื่อสนองตอบผู้มีอำนาจที่ต้องการคนใกล้ชิดหรือบุคคลในสังกัดผงาดนั่ง ผบ.ตร.ได้เสมอมา
ถ้า น.ส.แพทองธารและเงาของ น.ส.แพทองธาร เห็นว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ไม่ใช่คนที่ใช่ สามารถที่จะเลี่ยงบาลีสั่งการให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาการ ผบ.ตร. เสนอชื่อแต่งตั้งผู้ช่วย ผบ.ตร.ขยับเป็น รองผบ.ตร.ที่ว่างอยู่ 2 ตำแหน่งได้ จะประกอบด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 นั่งรักษา ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.นิรันทร์ เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 2 เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหามากนักให้เสนอชื่อผู้บัญชาการ(ผบช.)ขยับเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.ในคราวเดียวกัน เมื่อรายชื่อ รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.โปรดเกล้าฯลงมา ส่งผลให้แคนดิเดต ผบ.ตร.มีตัวเลือกเพิ่มจาก 3 เป็น 5 นาย เพราะเท่าที่ตรวจดูข้อกฎหมายรองผบ.ตร.ขยับเป็น ผบ.ตร.ไม่ได้กำหนดไว้ว่า รอง ผบ.ตร.จะต้องครองตำแหน่งกี่ปี
หาก น.ส.แพททองธาร ยึดแนวทางนี้ด้วยการเสนอชื่อ รอง ผบ.ตร.ป้ายแดง ให้ ก.ตร.เลือกเป็น ผบ.ตร. จะไปซ้ำรอยเดียวกับที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อาวุโสรั้งท้ายเป็น ผบ.ตร.จนมีการร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)สอบสวนแล้ว
ซึ่งแนวทางนี้ตำรวจที่ช่ำชองในข้อกฎหมายอาจโต้แย้งว่าเป็นไปได้อยากและ ก.ตร.คงไม่ยินยอม
แต่ถ้ามองสภาพความเป็นจริงที่ผ่านมาถ้าผู้มีอำนาจต้องการจะแต่งตั้งใคร มักจะได้รับการตอบสนองเสมอมา บางเรื่องต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร.จะมีมติไฟเขียวให้เสมอ ถ้ามองอย่างวิเคราะห์ในแนวทางที่ 2 จะให้เกิดขึ้นหรือไม่ให้เกิดขึ้น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิที่บรรดาตำรวจลงมติเลือกจะเป็นผู้กำหนดบทบาท โดย ก.ตร.ประกอบ นายกรัฐมนตรี ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร.เรียงตามลำดับอาวุโส 5 นาย จเรตำรวจแห่งชาติ และ เลขาก.พ. และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน
นับแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ก.ตร.โดยตำแหน่งจะมีเพียง 5 คน ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี รองผบ.ตร. 2 นาย จเรตำรวจแห่งชาติและเลขา ก.พ. ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิจะกลายเป็นเสียงข้างมาก
ดังนั้นการขับเคลื่อนเพื่อเลือกผู้บัญชาการแห่งชาติคนใหม่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิจะมีบทบาทสำคัญสูงสุด จะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่า ก.ตร.ทรงคุณวุฒิทั้ง 6 คนจะยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วยการยืนหยัดให้ น.ส.แพทองธาร เลือกแนวทางที่ 1 เสนอชื่อพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็น ผบ.ตร.หรือจะไหลตามน้ำหาก น.ส.แพทองธาร เลือกแนวทางที่ 2 ด้วยการลงมติสนับสนุน
จึงขอให้บรรดาชาวกากีทั้งหลายเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดว่า ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระในการทำงานจะทำหน้าที่พิทักษ์กฎอย่างแข็งขันตามที่หาเสียงไว้หรือจะเป็นแค่ตรายางที่คอยประทับรับรองความถูกต้องให้กับผู้มีอำนาจ !!!