ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 3 กันยายน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งคณะรัฐมนตรีว่า ขณะนี้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่จบขั้นตอน ซึ่งอยู่ที่ว่านายกรัฐมนตรีจะสลับตำแหน่งใครไปไหนหรือไม่ อย่างไรก็ดีขณะนี้มีโผรายชื่อครม.จำนวนมาก โดยนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจว่าใครจะดำรงตำแหน่งไหน จากนั้นจะเป็นการประสานงานตามกระบวนการว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าได้อย่างไร หลังจากนั้นจะอยู่ในพระราชอำนาจ ถ้าทรงโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะเร็ว
“หากโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว รอให้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนเรียบร้อย คิดว่า ก็จะประชุมครม. นัดแรกได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอวันอังคาร ซึ่งในการประชุมครม. นัดแรกจะเป็นการแต่งตั้งตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีคนใหม่ รวมถึงมีการพูดคุยเรื่องนโยบายที่จะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งขั้นตอนต่าง ๆ จะอยู่ภายในวันที่ 15 กันยายน บวกลบ ไม่เกิน 3 วัน เราต้องการทำให้เร็วที่สุด เพื่อให้การแก้ไขปัญหาไม่หยุดนิ่ง” รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจะมีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนเองพูดตามกระบวนการ ตามที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาการ และได้ตั้งนายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริน์เดช เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อ ครม.ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ ตำแหน่งเดิมก็จะหายหมด ส่วนจะได้กลับมาใหม่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจ
สำหรับโผ ครม.ล่าสุด มีรายงานว่า โควตาพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม จะได้นั่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ควบ รมว.กลาโหม กำกับดูแลทั้งตำรวจและทหาร โดยมีอดีตนายทหารบางรายแสดงความไม่เห็นด้วยเพราะนายภูมิธรรมเคยหนีเข้าป่าช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และเข้าร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ มือเศรษฐกิจของพรรคมานั่ง รมว.พาณิชย์ แทน ส่วนกลุ่มที่ยังเหนียวแน่นอยู่ที่เดิม ได้แก่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม, นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ, น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง
สำหรับ รมว.ป้ายแดง ได้แก่ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค เป็น รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา แทนนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, นายชูศักดิ์ ศิรินิล มือกฎหมายประจำพรรค นั่ง รมต.ประจำสำนักนายกนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยกลั่นกรองกฎหมาย, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.หนึ่งเดียวของพรรค นั่ง รมช.มหาดไทย
ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย นั่งตำแหน่งเดิมเกือบทั้งหมด ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน, 21.นางศุภมาส อิสรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ, นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ, นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ มีเพียง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่เพิ่งประกาศถอนตัวเอง แล้วส่งลูกสาวคือ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่ง รมช.มหาดไทย แทน โดยยืนยันว่า เขาไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติแต่อย่างใด
พรรคร่วมไทยสร้างชาติ มีการเปลี่ยนแปลงเอานายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ มาเป็น รมว.อุตสาหกรรมแทน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล และเพิ่มพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นายทหารผู้ใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคคมนตรี และอดีตนายกฯ นั่ง รมช.กลาโหม ขณะที่อีก 2 รายยังอยู่ที่เดิม คือ หัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน และ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์
ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วม จะใช้โควตาคนนอกของเพื่อไทย ประกอบด้วย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ แทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้ากลุ่ม นายอัครา พรหมเผ่า น้องชาย ร.อ.ธรรมนัส เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์, และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร บิดาของนายอรรถกร นั่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ แทนบุตรชาย
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 2 เก้าอี้ โควตาเดิมของพรรคพลังประชารัฐ มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค เป็น รมช.สาธารณสุข แทนที่นายสันติ พร้อมพัฒน์
ส่วน ชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นั่งที่เดิมเป็น รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่นเดียวกับ พรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค ยังยึดเก้าอี้ รมว.ยุติธรรม ตามเดิม ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่ามีภารกิจสำคัญคือร่วมกันนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับประเทศไทย โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวเหมือนที่ทำได้ในกรณี นายทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว
