DSI ออกหมายเรียก5คนใกล้ชิด ก๊วนCEOโกงหุ้นสตาร์คข้อหาฟอกเงิน

244

DSI ออกหมายเรียก 5 คนใกล้ชิดก๊วน CEO คดีโกงหุ้นสตาร์ค รับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงิน พร้อมสอบปากคำเข้มข้น ปม เอี่ยวรับโอนเงินช่วยไซฟ่อนกว่า 250 ล้านบาท 20-22 ส.ค.นี้

จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 57/2566 กรณีคดีหุ้นสตาร์ค (STARK) ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้กระทำความผิด จำนวน 11 ราย คือ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท สตาร์คคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) พร้อมพวก ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชนฯ ข้อหายักยอกทรัพย์และข้อหาฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และสรุปสำนวนส่งฟ้องพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อสั่งฟ้องต่อศาลอาญา พร้อมยืนยันว่าหลังจากนี้ดีเอสไอจะมีการขยายผลตรวจสอบติดตามเรื่องทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดในคดีหุ้นสตาร์ค โดยจะรับเป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษในความผิดฐานฟอกเงิน ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ห้องกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมในความผิดฐานฟอกเงินซึ่งเป็นความผิดต่อเนื่องเกี่ยวพัน โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 32/2567 อีกทั้ง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกรณีดังกล่าว ดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหา 5 ราย ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีมูลฐาน โดย 1 ใน 5 เป็นคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ

ส่วนอีก 4 รายเป็นพนักงานในบริษัท สตาร์คฯ ที่มีบทบาทในเรื่องเส้นทางการเงิน เนื่องจากจำนวนเงินที่ปรากฏในคดีหุ้นสตาร์คมีประมาณ 14,000 ล้านบาท จึงต้องสืบสวนสอบสวนขยายผลว่าเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดในคดีอาญาของกลุ่มผู้บริหารได้ถูกจำหน่าย จ่าย โอน ไปยังบุคคลใดบ้าง จึงพบเบื้องต้นว่าเชื่อมโยงกับคนทั้ง 5 รายนี้ โดยพนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้ผู้ต้องหาเข้าพบและรับทราบข้อกล่าวหา ระหว่างวันที่ 20 – 22 ส.ค.นี้ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน นอกจากนี้ ดีเอสไอยังได้ดำเนินการแจ้งข้อมูลไปยังสำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการติดตามทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าว

พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า สำหรับจำนวนเงินที่ผู้ต้องหาทั้ง 5 รายดังกล่าว รับโอนจากกลุ่มผู้ต้องหาในคดีมูลฐาน เฉลี่ยรายละประมาณ 50 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบว่าทั้ง 5 รายได้มีการไซฟ่อนเงินไปยังต่างประเทศแต่อย่างใด ส่วนประเด็นที่พนักงานสอบสวนจะใช้สอบปากคำ อาทิ อธิบายความเป็นมาของเส้นทางการเงินดังกล่าวว่าเป็นการรับโอนจากธุรกรรมใด วันเวลาการรับโอนเงิน บัญชีที่ใช้ในการรับโอนเงิน จำนวนเงิน และเข้าไปมีบทบาทเกี่ยวข้องอย่างไร ทั้งนี้ ผู้ต้องหามีสิทธิตามกฎหมายหากจะแจ้งความประสงค์ขอยื่นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา นอกจากนี้ ในเรื่องการติดตามยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีแพ่ง ดีเอสไอได้ทำงานร่วมกับ ปปง. อย่างต่อเนื่อง ทราบล่าสุดว่า ปปง. ได้ยึดทรัพย์ของผู้กระทำความผิดในคดีมูลฐานไปแล้ว 3,200 ล้านบาท และหากพบเจอรายการทรัพย์สินใดที่ถูกซุกซ่อนหรือแปลงสภาพ ก็จะทำรายงานส่งให้ ปปง. ได้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เพิ่มเติมต่อไป .

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวอาชญากรรมวันนี้