นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) เปิดเผยว่าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหานางสาวประนอม คงพิกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกับพวก รวม 9 คน ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเกี่ยวกับการอนุมัติจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนแก่วัดชลธาราวาส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส วัดยูปาราม อ.เมืองยะลา จ.ยะลา และวัดสุริยาราม อ.เทพา จ.สงขลา วัดละ 4 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 12 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า คณะกรรมการพิจารณางบประมาณเงินอุดหนุนฯ ได้จัดสรรเงินงบประมาณให้แก่วัดทั้ง 3 แห่ง โดยไม่มีเอกสารโครงการส่งเสริมความมั่นคงฯเป็นการมิชอบ ถือเป็นการจัดทำเอกสารเท็จ ดังนั้น การรับเงินส่วนต่างจากวัดทั้ง 3 แห่งจึงไม่ได้มีเจตนาเพื่อนำไปใช้ในโครงการ หรือเป็นการกระทำในการปฏิบัติราชการ แต่เป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น จึงมีมติให้ นางสาวประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายประสงค์ จักรคำ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษานายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ และนายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการศาสนาชำนาญการ ในฐานะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนและมีส่วนในการจัดทำเอกสารเท็จเกี่ยวกับการขออนุมัติจัดสรรเงินอุดหนุนแก่วัดทั้งสาม มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
ขณะที่ นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร นักวิชาการศาสนาชำนาญการ นายดำรงค์ศักดิ์ เกตุแก้ว นักวิชาการศาสนาชำนาญการ และนายจักรเวทย์ เดชบุญ นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ ในฐานะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุน มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง เลขาธิการ ป.ป.ช. ยังกล่าวอีกว่า พศ. ได้ติดตามเรียกเงินอุดหนุน 12 ล้านบาทคืนจากวัดทั้ง 3 แห่ง และได้นำส่งให้กระทรวงการคลังแล้ว แต่ ป.ป.ช. เห็นว่าการกระทำความผิดได้ทำสำเร็จแล้ว จึงถือได้ว่ามีความผิดตามกฎหมาย