“เขาช่องลม”นครนายก ที่เที่ยวสุดฮิตใกล้กรุงฯ

6510

มาบอกต่อที่เที่ยวสุดฮิตไม่ต้องเดินทางไกลๆขับรถจากกรุงเทพแค่ 2 ชม.นิดๆถึงจังหวัดนครนายก จังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงาม โดยเฉพาะสถานที่สุดฮิตติดลมบนตอนนี้อย่าง “เขาช่องลม”  ฉายา “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” ที่ต้องบอกว่าไม่ไปไม่ได้แล้ว 

วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา รองเท้าแก้วกับเพื่อนๆได้มีโอกาสไปเที่ยวตามรีวิว คัลแลน ยูทูปเบอร์ หนุ่มชาวเกาหลีใต้ หัวใจไทยเจ้าของช่อง” Cullen Hateberly” และนักเดินทางอีกหลายๆคนที่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เขาช่องลม” ต้องไปให้ได้นะ เรารอจังหวะโอกาสอยู่นาน เพราะมาเที่ยวนครนายกหลายครั้งแต่ก็ยังไม่เคยไปเขาช่องลมสักที มีแต่โฉบๆ เที่ยวบนสันเขื่อนขุนด่านฯแวะกินส้มตำริมน้ำท้ายเขื่อนแบบนี้

ทริปนี้รองเท้าแก้วออกเดินทางจากกรุงเทพฯช่วงบ่ายๆของวันเสาร์ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปหาที่พักใกล้ๆเขื่อนขุนด่านปราการชล ต.นาหินลาด อ.ปากพลี จ.นครนายก  ซึ่งมีให้เลือกเยอะมาก โดยเฉพาะที่พักริมน้ำ ได้ที่พัก “เรือนร่มไม้ริมธาร” ซึ่งอยู่ติดริมน้ำเลย สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เล่นหรอก เพราะถึงที่พักก็4-5โมงเย็น เก็บของเสร็จก็ขับรถออกมาเดินเที่ยวตลาดซื้อกับข้าวและผลไม้กลับมาทานที่พักก็มืดค่ำแล้ว ซึ่งตลาดสดของที่นี่ เป็นตลาดใหญ่มาก ของกินก็เยอะมากเช่นกัน โดยเฉพาะน้ำพริกต้มหน่อไม้ ปลาทอด หมูทอด ส่วนผลไม้ช่วงนี้ก็มีกระท้อน น้อยหน่า ส้มโอ และเงาะที่ยังพอมีอยู่บ้างแต่ราคาก็แพงอยู่เหมือนกัน หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วก็ออกมาเดินย่อยดูวิวสวยๆบริเวณหน้าเขื่อนขุนด่านปราการชลฯที่เปิดไฟสวยตลอดทั้งคืนและแสงไฟที่ตกลงมากระทบกับน้ำ ถ่ายภาพออกมาเป็นสีธงชาติสวยดี 

‘จากข้อมูลบอกว่า แนวสันเขื่อนที่ตั้งตระหง่านแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของจังหวัดนครนายกที่ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเป็นเขื่อนคอนกรีตอัดบดยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวรวม 2,720 เมตร สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตร ประมง อุปโภค บริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว บรรเทาอุทกภัย รวมถึงเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดนครนายก ‘

ซึ่งพี่ที่ไปด้วยบอกว่า ปกติถ้าฝนไม่ตกก็จะมีแม่ค้ารถเข็นเอาของมากินมาขาย มีเด็กวัยรุ่นออกมานั่งจับกลุ่มกัน แต่คืนนี้มีอยู่ร้านเดียวเพราะฝนตกไม่หยุด หลังจากเดินเล่นชมวิวกันก็ถึงเวลากลับที่พัก

สำหรับที่พักริมน้ำช่วงนี้ที่แอบบอกก่อนว่าเป็นฤดูฝนบางรีสอร์ตเจ้าของก็จะเตือนเรื่องน้ำที่อาจจะไหลหลากมาตอนดึกๆ อย่างที่รีสอร์ตที่เราพัก คือฝนตกหนักมากจริงๆในใจก็แอบหวั่นๆ เพราะพี่ในทีมที่เคยมาบอกว่าครั้งที่แล้วน้ำมากลางดึก เจ้าของรีสอร์ตมาบอกให้ย้ายรถไปจอดที่สูงๆป้องกันไว้ก่อน โชคดีที่ครั้งนี้ฝนตกก็จริง แต่ไม่ตกติดต่อกันหลายวัน เจ้าของบอกว่าไม่น่าท่วม แต่ถึงแบบนั้นในใจก็แอบกลัวๆอยู่ ตอนกลางคืนเลยนอนไม่ค่อยหลับสนิท แต่แล้วก็ผ่านไปด้วยดี

เช้าวันอาทิตย์เราตื่นนอนกันแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมตัวไปที่เขาช่องลม หมุดหมายที่เราตั้งใจไว้ แต่ก่อนจะไปก็ได้แวะกินโจ๊กข้าวต้มร้อนๆ ตามด้วยชากาแฟ ขนมครก รองท้องไว้ก่อน ซึ่งตอนเช้าๆจะมีคนมาขายของกินริมทางเลย แถมอากาศดีมองเห็นภูเขาและมีหมอกจางๆลอยปกคลุมอยู่ไกลๆ หลังจากกินอิ่มแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปที่บนลานจอดรถเขื่อนขุนด่านปราการชล ถึงบนเขื่อนประมาณ 8โมงๆ ก็ไปซื้อตั๋วลงเรือที่ “ชมรมเรือหางยาวเขื่อนขุนด่านปราการชล”เป็นบริการเรือนำเที่ยวของชุมชนในพื้นที่ ตอนแรกเราคิดไว้ว่าจะเหมาเรือ 1,500 บาท ตามที่อ่านรีวิวมา แต่พอมาถึงปรากฎว่าเสาร์-อาทิตย์คนเยอะมากๆทางชมรมจะจัดคิวเรือให้วิ่งเป็นรอบ ๆ ใช้เวลารอบละไม่เกิน 2 ชั่วโมง พาล่องเรือนำชมใน 2 จุดหลัก โดยทางชมรมจะจัดคิวลงเรือให้กับนักท่องเที่ยว เที่ยวละ3,000 บาท จำนวน15 คน คนละ 200 บาท ซึ่งแบบนี้ก็ดีเพราะเหมือนเรือจะมีจำกัด เราได้เรือหมายเลขเรือ 25 พร้อมสมาชิก 15 คน ซึ่งก็ไม่ได้มีเวลาคุยหรือทักทายกันหรอกนะ


เมื่อได้ตั๋ว ได้คิวแล้ว ทางชมรมก็ให้เราเดินลงบันไดไปขึ้นเรือตามหมายเลขที่ท่าเรือเขื่อนขุนด่านฯ ซึ่งทางลงไปลงเรือนั้น เป็นบันไดสูงชันรวมทั้งหมด 225 ขั้น ขาไปเดินลงบันไดชิลๆมองเห็นวิวสวยงามแบบ 360 องศา แต่ขากลับกระซิบว่ามีหอบแน่นอน

เรือนำเที่ยวพาเราแล่นไปในอ่างเก็บน้ำเขื่อนขุนด่านฯผ่านขุนเขาที่โอบล้อมบริเวณหลังสันเขื่อน ซึ่งเป็นป่าผืนเดียวกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผืนป่ามรดกโลก โดยต้นน้ำ-แหล่งน้ำธรรมชาติส่วนหนึ่งจากป่าเขาใหญ่ได้ไหลลงมาสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนขุนด่านฯแห่งนี้ และจุดแรกที่เรือนำเที่ยวพาเราไปคือ” น้ำตกผางามงอน “ เรามองเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนกำลังเดินปีนป่ายตามน้ำตกที่ไหลลงมาสู่อ่างเก็บน้ำ และเมื่อเรือจอดเทียบริมฝั่งคนขับเรือบอกว่ามีเวลาให้เที่ยวจุดนี้ 40 นาที เราขึ้นจากเรือและเดินขึ้นไปตามน้ำตกที่สภาพค่อยข้างเละ ความที่ใส่ผ้ารองเท้าผ้าใบมาก็ต้องถอดรองเท้าไว้ แล้วเดินเท้าเปล่ากันเลย จากนั้นก็ค่อยๆเดิน บางจุดค่อยข้างชันต้องจับเชือกที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ให้ มีนักท่องเที่ยวหลายคนเดินสวนทางลงมาและเปิดภาพให้เราดูบอกว่า สวยมากและคุ้มค่าที่จะเดินขึ้นไป  เดินไปไม่ไกลมากนักก็จะพบกับน้ำตกที่” น้ำตกผางามงอน “ ที่ตกลงมาจากหน้าผาทั้งสวยทั้งเย็นสดชื่นสุดๆ เราถ่ายรูปกันได้ไม่นาน เหลือบมองดูนาฬิกาเหลืออีก 5นาที จึงต้องรีบเดินกลับลงมาที่เรือซึ่งสมาชิกรอเราอยู่ก่อนแล้ว


เรือพาเราไปเที่ยวต่อจุดที่สอง แล่นลึกเข้าไปในอ่างเก็บน้ำที่ความกว้างของสายน้ำแคบลง ขนาบข้างด้วยวิวทิวทัศน์เขียวขจีของแนวไหล่เขา เรือหยุดให้เราเดินเที่ยวจุดนี้อีก 40 นาที เราจึงต้องรีบทำเวลาเพื่อจะได้เที่ยวให้ทั่ว แต่เอาเข้าจริงด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวมีเยอะและทางที่เดินบางจุดก็ต้องหยุดรอกัน บริเวณเขาช่องลมมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ทั้งมุมทุ่งหญ้า ป่าไม้ สายน้ำ ลำธาร โขดหิน โดยเฉพาะก้อนหินใหญ่กลางน้ำ ที่ถือเป็นมุมมหาชน มุมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ที่ดูสวยงามทั้งในมุมมองลึกเข้าไป หรือในมุมที่มองย้อนกลับออกมา แต่ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็สวยสุดๆ สมแล้วที่ถูกจัดให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นใกล้กรุงเทพฯ และเช่นเคยด้วยความที่เราค่อยข้างจะว้าวมาก จึงถ่ายภาพและบันทึกวิดิโอกันจนเพลินเหลือเวลาอีก5-10นาที จึงต้องรีบเดินกลับมาลงเรือทั้งที่ในใจยังไม่อยากกลับเลยเชื่อว่านักท่องเที่ยวอีกหลายคนก็คงจะคิดเหมือนเรา แต่เข้าใจว่าด้วยการจัดคิวเรือที่มีอยู่จำนวนจำกัดและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ค่อยข้างเยอะจึงต้องทำเวลาเพื่อจะได้เข้าไปเที่ยวกันอย่างทั่วถึง

หลังจากออกมาจากเขาช่องลมและต้องขึ้นบันไดกว่า 200 ขั้น ก็ทำเอาทั้งเหนื่อยและหิวแบบสุดๆ ก่อนกลับกรุงเทพจึงเข้าไปเที่ยวที่น้ำตกวังตระไคร้และซื้อส้มตำไก่ย่างมานั่งกินชิลๆริมน้ำ จากนั้นก็ไปเที่ยวต่อที่อ่างเก็บน้ำและแวะคาเฟ่แลนด์มาร์คแห่งใหม่และใหญ่สุดในนครนายกอย่าง”ตะลึงคาเฟ่” ที่มองเห็นวิวได้ 360 องศา ซึ่งที่ร้านคนเยอะมาก ใครผ่านมาแวะเที่ยวกันได้ ส่วนที่เที่ยวในจังหวัดนครนายกจะมีที่ไหนอีกบ้างรอติดตามกันได้เลย

by รองเท้าแก้ว