วันที่ 4 ส.ค. นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เปิดเผยว่า จังหวัดได้รับเกียรติจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมอสโก ประเทสรัสเซีย ให้นำศิลปวัฒนธรรม แฟชั่นโชว์ผ้าทอพื้นเมืองหนองบัวลำภู ผลิตภัณฑ์ชุมชนสินค้า OTOP จังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมจัดแสดงและจำหน่าย ในงานเทศกาลไทย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคม 2567 ณ สวน Hermitage Garden, Moscow นอกจากนี้ยังได้นำกิจกรรม Work shop อาทิ การจ้ำคำผ้าเช็ดหน้ามัดย้อมคราม การทำเครื่องประดับจากเศษผ้า เพื่อประชาสัมพันธ์ผ้าทอพื้นเมืองของจังหวัดหนองบัวลำภูสู่สายตาชาวรัสเซีย อีกด้วย
นายสุวิทย์ กล่าวว่า จังหวัดมีวิสัยทัศน์การพัฒนาว่า “เกษตรเพิ่มมูลค่า เมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว” และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs เป็นสำคัญ โดยมี โครงการส่งเสริมและสร้างเครือข่ายเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการและ สถาบันทางการเกษตรให้มีความเข้มแข็ง มีความโดดเด่นเรื่องการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมือง คือการทอไหม และผ้าฝ้าย ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและเป็นเอกลักษณ์ คือ “ผ้าขิดสลับหมี่” มีการจัดตั้งกลุ่มทอผ้าขึ้น เป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้ให้กับคนหนองบัวลำภูแทบทุกชุมชน โดยมีเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็น “เมืองแฟชั่นผ้าทอพื้นเมือง” และส่งเสริมช่องทางการตลาดสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นำผ้าทอพื้นเมืองของจังหวัดหนองบัวลำภูมุ่งสู่สากล เพื่อสร้างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการทอผ้า ผู้ประกอบการ OTOP ให้มีความเข้มแข็งขึ้น
ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู กล่าวว่า ก่อนที่ จะนำผ้าทอจังหวัดหนองบัวลำภูสู่สายตาชาวรัสเซียนั้น เอกอัครราชทูตรรัสเซียและคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมชมวิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู 3 แห่ง คือ วิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู (ขวัญตา) วิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู (เทวาผ้าไทย) วิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู (ฝ้ายกะตุ่ยโป่งแค) โดยได้มีข้อซักถามพูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องวิวัฒนาการการทอผ้าที่มีคุณภาพและเป็นที่นิยมในระดับสากล ซึ่งจังหวัดมีผู้ที่มีฝีมือด้านการทอผ้าอยู่เป็นจำนวนมาก และผ้าทอหนองบัวลำภูมีลวดลายสวยงามมีอัตลักษณ์ และปรับปรุงลวดลายผ้าให้มีความทันสมัยอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่ต้องการของผู้นิยมสวมใส่ผ้าไทย
นายสุวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้อุทิศพระองค์มุ่งมั่นในการสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาหัตถกรรมไทย ให้ดำรงอยู่ยั่งยืนตลอดไป ได้สำเร็จเป็นมรรคผลแล้วในจังหวัดหนองบัวลำภู ที่ได้นำผ้าไทยอันวิจิตร งดงามไปสู่สายตาชาวโลก ด้วยมุมมองด้านแฟชั่นที่ร่วมสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งการสืบสานอัตลักษณ์ของภูมิภาค ตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ซึ่งจะช่วยนำรายได้กลับเข้าสู่ชุมชน เแก้ไขปัญหาความยากจนและความเดือดร้อนของประชาชน อย่างเป็นระบบและยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
