วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมคณะ อาทิ ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สส.กรุงเทพฯ เขต 1, ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ เขต 2, ทิสรัตน์ เลาหพล สส.กรุงเทพฯ เขต 29, บุญเลิศ แสงพันธุ์ สส.สมุทรปราการ เขต 7, ศนิวาร บัวบาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมขึ้นรถแห่ปราศรัยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งช่วย ชัยรัตน์ “หวุน” ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี ในนามพรรคก้าวไกล ในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
พิธาขึ้นกล่าวปราศรัย ที่หาดทรายริมน้ำ ถนนคนเดิมโพธาราม ขอบคุณชาว ราชบุรี ที่เลือกพรรคก้าวไกลกว่า 2.3 แสนเสียง เป็นอันดับหนึ่งสำหรับคะแนนบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งใหญ่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งขอให้ประชาชนร่วมกันรณรงค์ให้ชาวราชบุรีกลับบ้านมาเลือกตั้งให้มากที่สุดในวันที่ 1 ก.ย. นี้ตามสโลแกน “1 กันยากาเบอร์ 1” เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งนอกเขต โดยตนและผู้สมัครนายก อบจ. จะใช้เวลาหลังจากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้งเดินหน้ารณรงค์ทำให้พี่น้องไว้วางใจเกิน 2.5 แสนเสียง โดยการทำงานของท้องถิ่นก้าวไกลจะเชื่อมกับผู้แทนราษฎร และเชื่อมกับพรรคก้าวไกล ดังนั้นเลือกนายก อบจ. ก้าวไกลคนเดียว ก็ได้พวกเราทุกคนเข้าไปทำงานด้วย นั่นคือจุดแข็งของพวกเรา
พิธากล่าวถึงสถานการณ์คดียุบพรรคก้าวไกลที่ศาลรัฐธรรมนูญมีนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ว่า “พรรคการเมืองคือตัวแทนของประชาชน เราได้รับความไว้วางใจมาใช้อำนาจแทนประชาชน แต่ในประเทศไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมามีความพยายามทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง เมื่อพรรคการเมืองอ่อนแอลงก็หมายความว่าอำนาจของประชาชนอ่อนแอลงด้วย และเมื่อมันมีผลกระทบต่ออำนาจของพี่น้องประชาชน นั่นคือผลกระทบต่อระบอบประชาธิปไตยที่พวกเราหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นอย่ายอมเขา อย่าสิ้นหวัง เก็บความโกรธแค้นเอาไว้ ชนะทั้งทีให้มันถูกต้อง ชนะให้มันขาด เราจะชนะให้เขาปฏิเสธเราไม่ได้อีกต่อไป
พรรคการเมืองคือตัวแทนคือตัวแทนอำนาจประชาชน ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรค เป็นผู้แทนราษฎรของพรรค ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัครของพรรค ดังนั้นประเทศแบบไหนที่เขาอยากให้พรรคการเมืองอ่อนแอนั่นก็หมายความว่าเขาอยากให้ประชาชนอ่อนแอ”
พิธากล่าวว่า ประชาชนต้องไม่ยอม แต่ไม่ใช่ไม่ยอมเพื่อพรรคก้าวไกล เพื่อพิธา หรือพรรคการเมือง 33 พรรคที่เคยถูกยุบมาก่อน แต่ต้องไม่ยอมเพราะมันคืออำนาจของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเคยเลือกพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักษาชาติหรืออนาคตใหม่ พรรคเหล่านั้นล้วนเป็นตัวแทนประชาชนทั้งสิ้น เขาทำลายพรรคเหล่านั้นก็คือทำลายอำนาจประชาชน “ถ้าวันพุธนี้ผมไม่มีโอกาสกลับมาหาพี่น้องในฐานะผู้แทนราษฎรอีกต่อไป ก็ขอให้พิธาและพรรคก้าวไกลเป็นคนสุดท้าย ที่เกิดโดยประชาชนแต่ถูกยุบลงไปจากอำนาจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชน”
โดยพิธากล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลใจ ตนและพรรคก้าวไกลได้ทำเต็มสุดความสามารถแล้ว ไม่มีอะไรค้างคาใจอีกต่อไป และวันพุธนี้จะขอไปฟังคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง แต่ระหว่างนี้ตนเองและพรรคก้าวไกลจะไม่เสียสมาธิ ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ทุกวันแน่นอน “1 กันยา เข้าคูหากาเบอร์ 1 จัดหนักจัดเต็ม ทำให้ถึง ทำให้ถล่มทลาย ยิ่งกว่าปี 2566” ทั้งนี้ ตลอดการปราศรัยหาเสียงมีประชาชนมาต้อนรับและติดตามการปราศรัยจำนวนมากพร้อมส่งเสียงเชียร์