หากใครเดินจ่ายตลาดเองหรือเดินทางไปตามพื้นที่ต่างๆพบปะผู้คน ญาติพี่น้องไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด จะได้ยินเสียงบ่นว่าเศรษฐกิจแย่ สินค้าทุกชนิดพาเหรดกันขึ้นราคาแบบไม่เกรงใจเงินในกระเป๋าของชาวบ้าน
ยิ่งได้เห็นภาพของหัวพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทย ภูมิใจไทย นายทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาล รวมถึงผู้บริหารธุรกิจผูกขาด สังสรรค์ร้องเพลงอย่างสนุกสนานเฮฮาอย่างมีความสุข ที่เขาใหญ่ อดที่จะเปรียบเทียบกับภาพของชาวบ้านที่กำลังเผชิญกับพิษเศรษฐกิจอย่างนักไม่ได้ เพราะช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว
ยิ่งส่องไปที่ผลกำไรของกลุ่มทุนพลังงานอย่างปตท.ที่พวก กปปส.ใช้เป็นวาทกรรมถล่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อสร้างแรงจูงใจหวังดึงมวลชนเข้าร่วมโค่นรัฐบาลว่าเป็นบริษัทผูกขาด หากพวกเราชนะจะต้องยึดคืน คงเป็นเพียงแค่วาทกรรมลวง เพราะตลอดเวลากว่า 9 ปี ยังคงปกติแถม ปตท.ฟันกำไรแบบอื้อซ่า อย่างปี 2566 กลุ่มปตท.ทั้ง 7 บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์มีกำไรสุทธิ 221,037 ล้านบาท
ครั้นส่องไปที่กลุ่มธนาคารฟันกำไรอย่างเป็นกอบเป็นกำ เพียงครึ่งปี 2567 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)ฟันกำไร 22,330 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทยฯกำไร 26ล139 ล้านบาท เอ็กเอ็มอีแบงก์ กำไร 21,295 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ กำไร 15,752 ล้านบาท ธนาคารทิสโก้ กำไร 3,482 ล้านบาท ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กำไร 1,295 ล้านบาท ธนาคารเกียรตินาคินภัทร กำไร 2,275 ล้านบาท และธนาคารทหารไทยธนชาติ กำไร 10,689 ล้านบาท รวมทั้ง 9 ธนาคารฟันกำไร 103,257 ล้านบาท
ขณะที่ลูกค้าของธนาคารไม่ว่าจะเป็นการกู้เพื่อการลงทุน กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย กู้ซื้อรถเพื่อใช้ประกอบอาชีพและเดินทางไปทำงาน กู้เพื่อใช้จ่ายเพราะรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ต่างแบกดอกเบี้ยกันอ่วม โดยรัฐบาลแทบจะไม่ขยับหรือมีมาตรการอะไรออกมาช่วยเหลือให้เกิดความรู้สึกที่สัมผัสได้ว่าได้ช่วยเหลือจริงๆ แถมค่าครองชีพพุ่งทะยาน ราคาสินค้าพาเหรดกันขึ้นราคาไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานหรือสินค้าอุปโภคบริโภค
ขอยกตัวอย่างตัวเลขเกี่ยวกับราคาสินค้า ที่มาจากกระทรวงพาณิชย์ รวบรวมโดยธนาคารแห่งประเทศ เปรียบราคาสินค้าเมื่อ 5 ปี ราคาเฉลี่ยในปี 2562 เทียบกับราคาปัจจุบัน เดือนพฤษภาคม 2567 จะพบว่า ปี 2562 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ราคาลิตรละ 27.7 บาท ปี 2567 ราคา 38.8 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์
ปี 2562 น้ำมันพืชราคา 40 บาท/ลิตร ปี 2567 ราคา 53 บาท เพิ่มขึ้น 32.5 เปอร์เซ็นต์ ปี 2562 ไข่ไก่ฟองละ 4 บาท ปี 2567 ฟองละ 5 บาท เพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ ปี 2562 น้ำมันดีเซล 26.5 บาท/ลิตร ปี 2567 ราคา 33 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 24.5 เปอร์เซ็นต์ ปี 2562 ก๊าซหุงต้ม(15กก.)ราคา 364 บาท/ถัง ปี 2567 ราคา 423 บาท เพิ่มขึ้น 16.2 เปอร์เซ็นต์ ปี 2562 ไก่สดราคา 200บาท/ตัว ปี 2567 ราคา 230 บาท/ตัว เพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ และปี 2562 หมูสันนอก ราคา 140 บาท/กก.ปี 2567 ราคา 160 บาท/กก.เพิ่มขึ้น 14.3 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวอย่างสินค้าเพียงบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านที่ต้องแบกภาระ ยังไม่นับรวมสินค้าอื่นที่ขยับขึ้นราคากันทุกชนิด
ขณะที่รายรับของประชาชนระดับกลางถึงรากหญ้าในทุกภาคส่วนยังย่ำอยู่กับที่ เมื่อ 5 ปี ก่อนเป็นอย่างไร มา ณ ปัจจุบันยังไม่ได้ขยับตามราคาสินค้าพุ่งทะยาน จึงไม่แปลกที่ตัวเลขหนี้ครัวเรือนไตรมาส 4 ของปี 2566 พุ่งทะยานสูงถึง 91.6 เปอร์เซ็นต์ นอกจากจะต้องมารับสภาพรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว ยังต้องมาผจญ กับปัญหาอาชญากรรมไม่ว่าจะเป็น ลักวิ่งชิงปล้น ยาเสพติดระบาด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการต้มตุ๋นในหลากหลายรูปแบบไม่สามารถพึ่งพารัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องได้เลย
ที่ยกข้อมูลต่างๆมานำเสนอเพียงเพื่อสะท้อนว่านโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาหรือประกาศในช่วงหาเสียงเพื่อเรียกคะแนน ไม่ได้ถูกนำมาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมและส่งผลดีต่อประชาชนเลย เพราะเกือบทุกนโยบายถูกละเลย ขณะที่บทบาทของรัฐบาลและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล กลับไปให้ความสำคัญในการบริหารอำนาจเพื่อรักษาสถานภาพของกลุ่มตัวเองให้ยืนหยัดอยู่ในอำนาจให้ยาวนานมากกว่าที่จะช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้กับชาวบ้าน
ทั้งที่ในความเป็นจริงการบริหารประเทศให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี กระเป๋าเงินฟู จะเป็นเกราะป้องกันให้ผู้มีกุมอำนาจอยู่อย่างสบายใจ แต่ในภาวะปัจจุบันผู้กุมอำนาจกลับให้ความสำคัญไปที่การบริหารอำนาจมากกว่า ตัวอย่างที่พอจะเห็นได้ชัดคือกลุ่มผู้กุมอำนาจกำลังให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อกรณีศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาดปมยุบพรรคก้าวไกล และชี้ขาดปมนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขัดจริยธรรมหรือไม่ เพราะถ้าเป็นไปในทางลบทั้งสองคดีสมการอำนาจทางการเมืองจะผันแปรแน่นอน
เมื่อกลุ่มผู้กุมอำนาจยังมุ่งมั่นบริหารอำนาจเพื่อยึดครองได้อย่างยาวนาน ประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกเราจะตกอยู่ในสภาพรายได้ชักหน้าไปถึงหลัง หนี้ล้นพ้นตัวและอยู่กันตามยถากรรมไปอีกนาน !!!