ประเทศเกินกว่าคำว่าวิกฤต แถมไร้ทิศทาง!

561

ข่าวเลิกจ้างพนักงาน อย่างกะทันหันผู้ใช้แรงงาน ต่างกอดคอกันร้องไห้ เพราะไม่ได้ทันตั้งตัวเกิดขึ้นเรื่อย ๆ

ข่าวโรงงานทยอยปิดตัวกำลังบอกอะไรกับเราบ้าง  ข่าวประกาศย้ายฐานการผลิต ออกจากประเทศไทย สะท้อนอะไร แม้จะมีคำชี้แจงจากทางการว่าไม่ได้มีเพียงการปิดอย่างเดียวแต่การเปิดก็เกิดขึ้น

ข่าวตลาดที่เคยมีคนค้าขายคึกคัก เดินเบียดเสียดจับจ่ายใช้สอย เช่นอัมพวา กลับเริ่มเฉาเบาบางไร้ซึ่งผู้คน ข่าวผู้ประกอบการในจังหวัดต่าง ๆ ตัดสินใจเลิกกิจการในช่วงปีที่ผ่านมา ได้ยินกันชนิดที่ว่ามีทุกเดือน ไม่ขาดสาย ยังไม่นับการเกิดขึ้นของอาณาจักรจีนทำ จีนขาย ไทยซื้อ ขายตัดราคาคนในชาติ ผลผลิตไม่ได้ก่อให้เกิดเม็ดเงินกระตุ้นในประเทศ หรือการส่งของข้ามประเทศในแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วยราคาต่ำกว่าทุนตัดคนไทย เพราะไร้กำแพงภาษี ตีจนคนไทยล้มไปหลายราย

ข่าว-เหตุการณ์ทั้งหมดทั้งทั้งมวลเหล่านี้ ไม่ได้เกิดทันทีทันใด ล้วนเป็นผลสะสมจากทศวรรษที่สูญหายจากการปล่อยให้ประเทศอยู่ในมือของคนทำงานไม่เป็น แก้ปัญหาเกาไม่ถูกที่คัน และมองประชาชนนั้นว่าไม่ใช่เจ้าของประเทศ

ลองนั่งสมาธิหายใจลึก ๆ นึกถึงตอน พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทุกคนคิดว่าเศรษฐกิจ ย่ำแย่แค่ไหน แลดูไร้ความหวังหนักหนาประมาณเท่าใด ณ ตอนนี้ในความรู้สึกประชาชนลงไปถามพ่อค้า แม่ขาย วินมอเตอร์ไซด์ที่ไหนก็ได้เชื่อได้ว่าจะได้ยินเสียงสะท้อนที่แท้จริง อาจเป็นสิ่งที่นายกไม่อยากได้ยิน

ที่น่าจะเกินคำว่า “แย่”  ถลำไปแตะคำว่าโคม่า ใกล้สิ้นชีพหรือไม่ แล้วคราวนี้ไม่ได้หนักหนาแค่ระดับล่าง วงมันตีกว้างไปทั้งชนชั้นกลาง คนเล่นหุ้น ล้วนเผชิญชะตากรรมความยากลำบากด้วยกันทั้งสิ้น เพราะผ่านมา1ปีมีแต่ต่างชาติถอนทุน คนไทยกลายเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ฐานพีระมิดล่างและกลางเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ภาพประชาชนในประเทศสุขภาพทางการเงินไม่แข็งแรงเหมือนเป็นไข้กันมา10ปี วันนี้เคราะห์ซ้ำเปรียบได้เจอรถชน ทำให้หนักกว่าเดิมไปอีก

ความเชื่อมั่นทั้งในและนอกติดลบ เดินสายเป็นเซลล์แมนไปหลายประเทศทั่วโลกก็ยังไม่ผลตอบรับชัด  ๆ

ประเด็นที่ต้องคิดต่อมาคือ แล้ววันนี้รัฐบาลทำอะไรไปบ้าง?

เพื่อความเป็นธรรมนั่งนึกไวๆ ในตลอดเกือบ1ปี ที่เขามาทำงาน เรามักจะได้ยิน 2คำ คือ ดิจิทัลวอลเลต และ ซอฟต์พาวเวอร์ เงิน1หมื่นบาทที่ว่าทำทันทีไม่มีเงื่อนไข ได้ถูกแปรรูปแปลงร่างเป็นสารพัดเงื่อนไข แถมแหล่งที่มาเงินผ่านมาปีนึงก็ไม่ชัดสักที ถึง ณ วันนี้  ร้านที่จะเข้าร่วมเอาเข้าจริงๆก็ไม่แน่ใจว่าร้านค้าขายของประชาชนทั่วไปจะเข้ามาร่วมโครงการหรือไม่ หรือสุดท้ายไปเติมเงินให้ทุนใหญ่กินเรียบหมด? จากที่คาดหวังพายุหมุนทางเศรษฐกิจก็จะกลายเป็น พายุหนี้ก้อนโตที่คนไทยทุกคนเสียต้องมารับใช้กรรมจากเงินที่ตัวเองไม่ได้ใช้ไปด้วย โดยไม่รู้คนไทยจะมีกินมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีกี่โมง?

ยังไม่รวมนโยบายอื่น ๆ ที่หาเสียงไว้ แต่ยังไม่ได้ทำอีกสารพัดเช่นเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทค่าแรงขั้นต่ำ ฯลฯ ทุกนโยบายล้วนใช้เงินหมดแต่เศรษฐกิจไม่ดีอย่างนี้จะมีพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ 1 ปีคงเห็นภาพแล้วว่าอะไรเป็นอะไร คงไม่ต้องสาธยายอะไรเยอะ

จากข่าวที่ประมวลมาทั้งหมด มาประกอบกับนโยบายรัฐบาลและเวลาขวบปีที่มาทำงาน และผลงานที่ยังไม่ชัด

คงไม่ต้องจินตนาการต่อครับว่าปัญหาเหล่านี้จะยิ่งสลับซับซ้อน จะส่งผลต่อกันและกันกลายเป็นงูกินหาง ทำให้ทุกอย่างไม่มีอะไรดีขึ้นเลยใช่หรือไม่ ?

แต่ถ้ารัฐบาลยังคงทำงานแบบเดิม มีวิชั่นแบบนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยน คนไทยก็เตรียมตัวรับแรงกระแทก ล้ม ลุก เจ็บตัว และโงหัวไม่ขึ้นกับสภาวะไร้อนาคตไร้ทิศทางความสำเร็จได้เลย โปรดระวังภัย ดูแตัวเองให้ ดี ๆ ตอนนี้ มันเหมือนเมืองที่ไร้อนาคตชอบกล