“ผบช.ก้อง”เซ็นเด้งตำรวจน้ำ5นาย เซ่นเรือน้ำมันเถื่อนหาย3ลำ

8108

ผบช.ก.เซ็นคำสั่งย้าย ผกก.ตำรวจน้ำ พร้อมลูกน้อง รวม 4 นาย เข้า ศปก. เซ่นเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ หายจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ – ด้าน ”รองฯเต่า“ พบหลักฐานกล้องวงจรปิด ลูกเรือเตรียมการซื้อเสบียงขนขึ้นเรือเดินทางไกลก่อนเกิดเหตุ

วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้เซ็นคำสั่งลงนามในหนังสือคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 131/2567 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. จำนวน 4 นาย ย้ายมาช่วยราชการ ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ศปก.บช.ก. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด มีผลนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. ทั้ง 4 นาย ที่ถูกสั่งให้มาประจำการอยู่ที่ ศปก.บช.ก. นั้น ประกอบด้วย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. , พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน., ส.ต.อ.ธรรมรัตน์ เล็กมนตรา ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน. ,ส.ต.ท.อภิชาติ จันทร์หนู ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน.

สำหรับการเซ็นคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ทั้ง 4 นายดังกล่าว เป็นผลพวงจากกรณี เรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำบรรจุน้ำมันรวมกว่าสามแสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ทั้งนี้ก็เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเรือทั้ง 3 ลำที่หายไปครั้งนี้นั้น เป็นเครือข่ายของ “โจ้ น้ำมันเถื่อน” หรือ “โจ้ ปัตตานี” ซึ่งเป็นขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้ ที่หลบหนีหมายจับคดีน้ำมันเถื่อนหลายคดีอยู่ในต่างประเทศ

”รองฯเต่า“ พบหลักฐานกล้องวงจรปิด ลูกเรือเตรียมการซื้อเสบียงขนขึ้นเรือเดินทางไกลก่อนเกิดเหตุ เชื่อวางแผนมาแล้ว ด้านรองเอนก ยัน 3 เรือของกลางน้ำมัน ลักลอบขนจากเรือใหญ่กลางทะล นอกน่านน้ำไทยส่งพื้นที่อ่าวไทย-ภาคใต้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยอีกครั้งหลังประชุม และสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องนานกว่า 2 ชั่วโมงว่า จากการสอบปากคำตำรวจเวรคืนวันเกิดเหตุ 2 นาย และผลัดก่อนหน้า 1 นาย มองว่าทางตำรวจทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์เอง โดยการปล่อยปละละเลย หรือทำหน้าที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนให้ครบถ้วน หรือทำนิดหน่อย จนเกิดความเสียหาย และบกพร่องต่อหน้าที่ ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการอย่างแน่นอน รวมถึงผู้บังคับบัญชาด้วย รวมทั้งหมด 5 นาย

โดยขั้นตอนก็จะต้องพิจารณาพฤติการณ์ของทั้ง 5 นายว่า มีส่วนล่อแหลม ทำให้เกิดเหตุการณ์ความเสียหายครั้งนี้อย่างไร มากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องการสืบสวนให้ครอบคลุมทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ประกอบกับเราได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนของ ปปป. คู่ขนานกับตำรวจน้ำ หากพบความผิด ก็จะแจ้งข้อกล่าวหา เบื้องต้นเข้าข่ายความผิด ม.157 ฐานละเว้นปฎิบัติหน้าที่

โดยล่าสุดชุดสืบสวนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดและจากการซักถามพยาน รู้แล้วว่าใครบ้างอยู่ในคืนวันเกิดเหตุ ประกอบกับวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายนนี้ พนักงานสอบสวน ปอศ. จะออกหมายเรียกลูกเรือ 17 คนที่หลบหนีมารายงานตัว หลังจากการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดรวม 28 คน ซึ่งอยู่ระหว่างสกรีนแต่ละคน ส่วนจำนวน 17 คนที่หลบหนีนั้น พบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดว่าในช่วงเย็นวันเกิดเหตุ ลูกเรือมีการซื้อเบียงขนของขึ้นเรือมากกว่าทุกวัน แสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมตัว หากหลักฐานชัดเจนจะดำเนินการออกหมายจับต่อไป

ส่วนเรื่องประเด็นมีเจ้าหน้าที่รับสินบนหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างขยายผล เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่จบแค่ตรงนี้ และเรากำลังตามทรัพย์สินและของกลางที่หายไป หลังจากนี้จะเข้าใจว่าตำรวจเราทำอะไรบ้าง รวมถึงกระแสข่าวมีการนำเงิน 6 ล้านมาเคลียร์ เป็นค่าใช้จ่ายในการเอาเรือออกไปด้วย

ทั้งนี้ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และทำการสืบสวนทางเทคนิค ทั้งใต้ดินบนดิน โดยเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะข้ามน่านน้ำไทยไปแล้ว แต่ปลายทางไม่มีใครรู้

ส่วนการหลบหนีจะใช้วิธีอย่างไร เนื่องจากเรือไม่มี GPS ทางตำรวจเชื่อว่า
1.หนีโดยการเอาเครื่องเทคนิคอื่นมาใส่ 2.ใช้แอพยิงดาวเทียมขึ้น 3.มีเรือนำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอความชัดเจนก่อน

รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกอีกว่า “ไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย แต่เรื่องนี้ตำรวจบกพร่องเอง ซึ่งก็ต้องหาวิธีแก้ไข เพราะยังมีอีกหลายจุดล่อแหลม เรามองว่าหากเขาแน่จริง (เสี่ยโจ้) คงไม่หนีออกนอกประเทศ และคงเจออีกหลายเรื่องราว เราเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ก็ต้องตามไล่จับ และต้องไปตามเอาเรือกลับมาคืนให้ได้ ยืนยันไม่เกินความสามารถที่จะหาเรือให้เจอว่าอยู่พิกัดไหน จะดำเนินการให้ทุกมิติ”

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม บอกว่า คดีนี้เป็นคดีที่กองปราบทำตั้งแต่แรก เป็นของ ปอศ. ยืนยันว่าเรามีข้อมูลในคดีเรื่องน้ำมันเถื่อนทั้งหมด รู้ทั้งที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร ใครเป็นเจ้าของ แต่ในส่วนของคดีที่จับผู้ต้องหา 28 คน จับห่างจากฝั่งหลายไมล์ทะเล อยู่ในน่านน้ำสากล

ส่วนพฤติการณ์คร่าวๆ คือเรือไปรับน้ำมันจากเรือใหญ่กลางทะเลนอกน่านน้ำไทย และจะรับกลับมาขึ้นฝั่งพื้นที่อ่าวไทย จ.เพชรบุรี , จ.สมุทรสาคร และโซนภาคใต้ แต่จะเชื่อมโยงถึง “เสี่ยโจ้” เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อนหรือไม่ ตำรวจมีหลักฐาน แต่ขอให้อยู่ในสำนวน และขอขยายผลก่อน ตลอดจนเส้นทางการเงินว่าจะเชื่อมโยงกันหรือไม่ เบื้องต้นพบหลักฐานบางส่วนเชื่อมโยงกัน

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #เรือน้ำมันเถื่อน #ตำรวจสอบสวนกลาง #เด้งตำรวจ #ข่าวอาชญากรรมวันนี้