เลิกเหอะ …ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมต้องมีซอง-เลี้ยงดูปูเสื่อ ลูกสกุลดัง เข้าเป็นตำรวจ แต่งานไม่ทำ วิ่งขอช่วย ใน สง.ผู้ใหญ่ แต่ตัวหายไร้ยางอาย
ต้นสัปดาห์มีโอกาสพบปะแหล่งข่าวทั้งอดีตตำรวจและตำรวจที่ยังไม่เกษียณ พอตั้งวงคุยอดไม่ได้ที่จะต้องปุจฉาและวิสัชนา ถึงความเป็นไปขององค์กรตำรวจ เนื้อหายังคงเป็นประเด็นเดิมๆที่กลายเป็นวัฒนธรรมเน่าๆ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเกี่ยวหน่วยที่ออกตรวจหน่วยงานตำรวจทั่วประเทศ ประเด็นเด็กเส้นที่บรรดาพวกนามสกุลดังอยากเข้ามารับราชการแต่ไม่อยากทำงาน ตำรวจที่ยังไม่เกษียณเปิดประเด็นถามอดีตตำรวจว่าช่วงที่รับราชการ จเรตำรวจหรือหน่วยงานตรวจสอบด้านต่างๆ ระหว่างไปตรวจโรงพัก กองกำกับการ กองบังคับการหรือกองบัญชาการ ตำรวจในสังกัดต้องดูแลเอาใจใส่ยิ่งกว่าไข่ในหินหรือไม่ ?
อดีตตำรวจเล่าว่าเมื่อหน่วยงานตรวจสอบเข้าพื้นที่ ถ้าผู้นำตรวจสอบเข้าอกเข้าใจ การทำงานของตำรวจท้องที่ จะดำเนินไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย พร้อมกับแนะนำให้แก้ปัญหางานที่บกพร่องด้วยการจัดระเบียบให้เข้ารูปเข้ารอย จากนั้นเจ้าถิ่นจะเลี้ยงข้าวแบบจานเดียวจบแล้วจากลา
แต่ถ้าเจอผู้นำที่พกความโลภมาอย่างเต็มเปี่ยมที่ ถ้าเจอปัญหาจะมากด้วยข้อตำหนิ เสียงดัง ข่มขู่สารพัด พอเจรจาว่าจะจัดที่พักให้อย่างดีให้ค้างคืน มีเลี้ยงสังสรรค์ในเวลากลางคืน ดนตรีพร้อม พนักงานสาวๆดูแลเป็นอย่างดี แถมมีของฝากเป็นสิ่งของและซองขาว ท่าทีที่ดุยิ่งกว่าเสือจะกลายเป็นแมวเชื่องๆ ว่ากล่าวพอหอมปากหอมคอ พร้อมโปรยยาหอมจะรายงานผู้บังคับบัญชาการในแง่ดี พ่วงด้วยการสนับสนุนให้ก้าวหน้าเมื่อถึงช่วงแต่งตั้งโยกย้าย
ตำรวจที่เปิดประเด็นฟังแล้วตบโต๊ะเสียงดังเหมือนลืมตัวพร้อมกับบอกว่าวัฒนธรรมแบบนี้ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่มีรายการกุ้งฝอยตกปลากะพง ด้วยการซื้อกระเช้ามีพวกกาแฟซอง บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋องใสมาเต็มกระเช้ามอบให้หัวหน้าหน่วยแล้วถ่ายรูปออกสื่อ เมื่อตรวจเรียบร้อยแล้วจะสร้างภาพรับประทานแบบจานเดียว แต่เวลากลับจะพกซองขาวหนาเตอะกลับไป ถ้าโรงพักไหนรายได้น้อย ในซองขาวจะมีคราบน้ำตาของตำรวจชั้นผู้น้อยติดไปด้วย
ขณะที่ตำรวจอีกคนเปิดประเด็นถึงกำลังพลที่ประจำตามโรงพักขาดแคลน โดยระบุว่าถ้าตรวจกำลังพลโรงพักทั่วประเทศ รับรองโรงพักเกินครึ่ง มีจำนวนกำลังพลไม่ครบตามอัตราแน่นอน อดีตตำรวจบอกว่า นี่คือปัญหาดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกหรือ เพราะเห็นประกาศรับสมัครอยู่บ่อยครั้ง
ตำรวจผู้เปิดประเด็นแจงว่ายังเหมือนเดิมทุกอย่าง บางหลักสูตรเปิดรับแบบกรณีพิเศษสำหรับลูกตำรวจที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ พอตรวจสอบลึกลงไปพบว่ามีบรรดาลูกเจ้าสัว ลูกนักการเมือง และลูกของผู้มีอิทธิพลในวงการต่างๆพาเหรดกันเข้ามา มากกว่าลูกตำรวจเสียอีก แต่คงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าพวกเด็กเส้นเหล่านี้ ลงไปปฏิบัติหน้าที่ประจำตามโรงพักต่างๆทั่วประเทศ แต่พอบรรจุไปรายงานตัวเพียงวันแรก หลังจากนั้นจะมีชื่อไปช่วยราชการที่สำนักงานของบรรดาบิ๊กตำรวจเกือบทุกสำนักงาน
บางคนมีแค่ชื่อแต่ตัวไปทำธุรกิจส่วนตัวหรือช่วยครอบครัวทำธุรกิจ แต่ต้องการสวมเครื่องแบบเพื่อไว้ประดับบารมีเท่านั้น วิธีนี้จะบรรดาบิ๊กตำรวจจะใช้ตอบแทนบุญคุณบรรดาเจ้าสัวหรือผู้มีอิทธิพลวงการต่างๆที่อุปการะคุณกันมา หรือบิ๊กการเมืองบางคนอยากมีกิ๊กแต่ไม่อยากควักกระเป๋า สามารถฝากให้เป็นตำรวจใช้เงินหลวงเลี้ยงดูได้ บิ๊กตำรวจบางคนรับลูกเซ็นรับเข้าเป็นตำรวจทั้งที่ขาดคุณสมบัติเพราะอายุเกิน พอเกิดเรื่องฉาวโฉ่ผู้เกี่ยวข้องไม่มีใครต้องรับโทษเลยสักคน
อดีตตำรวจนั่งจับคางแบบครุ่นคิดพร้อมรำพันออกมาว่าเกษียณอายุมากเกือบ 10 ปี ติดตามความเคลื่อนไหวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติบ้าง เพื่อไว้คุยกับพรรคพวก แต่ไม่คิดว่าปัญหาที่สะท้อนกันออกมายังไม่ได้รับการแก้ไขอะไรเลย แถมหนักข้อกว่าเดิมอีก ในอดีตมีบ้างแต่ไม่สาหัสเหมือนปัจจุบัน เพราะตำรวจในอดีตยังมีความรู้สึกละอายใจ ไม่หน้าหนาเหมือนในปัจจุบัน วงสนทนามีการคุยถึงสภาพเน่าในแบบเกินจะเยียวยาพร้อมๆกับอาการถอนหายใจด้วยความเป็นห่วงองค์กรที่นักวิ่งเต้นหรือสีกากีที่โตแบบบ่มแก๊สได้ดี ในที่สุดไม่สามารถนำพาขององค์กรไปสู่ทิศทางที่ดีได้
บิ๊กตำรวจบางนายแพ้ภัยตัวเองเพราะอาการโลภหนักหลงในอำนาจ ต้องกระเด็นตกเก้าอี้ และอาจจะถึงขั้นต้องไปนอนตารางแทนบ้านหรูก็เป็นได้ ก่อนจากอดีตตำรวจบอกอย่างมีความหวังว่า รักษาการผบ.ตร.และนายกรัฐมนตรี คงเร่งจัดการวัฒนธรรมเน่าๆแบบนี้หมดโดยเร็ว ตำรวจรุ่นน้องสวนไปทันทีว่าฝันหรือเปล่าพี่ ฮา…!!!