‘พระพิฆเนศ’มหาเทพแห่งการขจัดปัดเป่าอุปสรรค

756

มหาเทพแห่งการขจัดปัดเป่าอุปสรรคผู้ที่คนไทยเคารพและบูชาและยังมาประสิทธ์วิชาให้เถราจารย์ผู้เข้มขลังและทรงเมตตา อ่านสนุกแบบมีทั้งศรัทธาและพาณิชย์ไปกับ คอลัมน์พระบ้าน by ต้นคนชอบพระ

“โอม ศรีคะเนศายะ นะมะ ชะยะคะเณศะ ชะยะคะเณศะ ชายะคะเณศะ เทวา มาตา ชากี ปะระวะตี ปิตามะหา เทวา ละทฺวัน กาโกคะ ละเค สันตะ กะเร เสวา เอกทันตะ ทะยาวันดะ จาระ ภุชา ธารี มาเถ สินทูระ เสเห มูเส กี อะสะวารี อันธะนะ โก อางขะ เทตะโก กายา พามณะนะ โก กุตรระ เทตะ โกทินะ นิระ ทะนะ มายาฯ โอม ศรีคะเนศายะ นะมะหะ”

สวดคาถาบูชาพระพิฆเนศ 3 จบ แล้วขอพร


( รูปพระพิฆเนศ )

ในบรรดาเทพฮินดูองค์ที่ชาวไทยใกล้ชิดและรู้จักอย่างกว้างขวางคงไม่พ้น องค์พระพิฆเนศ (Genesha) หรือพระคเณศ เป็นมหาเทพใน ครอบครัวของมหาเทวะศิวะและมหาเทวีอุมา มีนามเรียกขานมากมายเช่นว่า คชานนท์ เอกทันตะ ฯลฯ มีเทพลักษณะคือ มีกายเป็นมนุษย์ แต่มีเศียรเป็นช้าง ที่ตามตำนานว่าเกิดจากที่ทำหน้าที่แบบเคร่งครัดไปหน่อยแถมไม่รู้จักหน้าองค์ศิวะเพราะตอนท่านจุติองค์ศิวะไม่อยู่ผลเลยทำให้หัวหายตายลงด้วยคำของพ่อที่ก็ไม่รู้ว่าเทพเด็กนี่คือลูก พอพระแม่อุมาออกมาเห็นทีนี้งานเข้าองค์ศิวะเจ้ากะเหล่าเทพที่มามุงแถมเกือบทำให้จักรวาลล่มด้วยความโกรธของพระแม่เหล่ามหาเทพและปวงเลยต้องช่วยกันหาทางแก้ด้วยการหาหัวมาต่อแต่หัวเดิมสลายไปแล้วเลยต้องหาหัวใหม่มาใส่ไปได้เอาหัวช้างที่นอนตายอยู่ด้วยเวลาจะหมดถ้าเลยช่วงนี้จะทำให้ฟื้นไม่ได้เลยเอามาต่อไปก่อน สุดท้ายเลยกลายเป็นมหาเทพที่มีหัวเป็นช้างร่างเป็นคนแถมยังได้พรจากมหาเทพและเหล่าเทพมุงทั้งปวงจนทำให้มีฤทธิ์มากกว่าตอนกำเนิดซะอีก แถมองค์นารายณ์หนึ่งในสามมหาเทพก็ให้พรว่าไม่ว่าผู้ใดจะขออะไรก็ตามต้องทำการกล่าวบูชาองค์พิฆเนศก่อนทุกครั้งจึงจะสำเร็จเรียกว่าเอาใจกันเต็มที่ เลยเป็นเหตุผลให้ในการบูชาองค์เทพของฮินดูไม่ว่าองค์ใดต้องกล่าวบูชาองค์ศรีคเณนศเสมอ

แล้วถ้าดูตามที่กล่าวมาองค์พระพิฆเนศเป็นเทพแห่งสำเร็จใช่มั๊ย คำตอบที่ได้คือ ไม่เชิง เพราะเอาจริงๆตัวท่านเองเป็นเทพแห่งการขจัดอุปสรรคทั้งปวงตามนามที่องค์ศิวะประทานตอนฟื้นชีพ คำว่า พระพิฆเนศ แปลว่าเทพผู้ขจัดปัดเป่าอุปสรรคและความทุกข์ยาก ซึ่งหากเราจะทำอะไรสักอย่างแล้วสิ่งนั้นปราศจากอุปสรรคหรือมีอุปสรรคน้อยก็แทบจะการันตีความสำเร็จของเรื่องนั้น เพราะฉะนั้นคนจึงเหมาเอาว่าองค์พระพิฆเนศเป็นมหาเทพแห่งความสำเร็จนั่นเอง

(รูปพระพิฆเนศ วัดสมานรัตนาราม ฉะเชิงเทรา )

ในเมืองไทยด้วยความที่เปิดรับและผสมผสานทุกวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างลงตัวเลยไม่แปลกที่เราจะเห็นรูปหรือวัตถุมงคลพระพิฆเนศตามวัดในพุทธศาสนาและบรรดาเกจิอาจารย์หลายท่านก็จัดสร้างปลุกเสกวัตถุมงคลรูปแบบพระพิเนศหลากหลายสามารถเช่าบูชาได้ทั่วไปอย่างเช่น องค์ศรีคเณศของเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ พระพิฆเนศที่ออกจากวัดสมานรัตนาราม ฉะเชิงเทรา และอีกมากมายหลายสำนัก แถมยังมีพระศรีคเณศองค์เสาหลักเมืองของเมืองนครเขื่อนขันธ์หรือสมุทรปราการในปัจจุบันที่ว่ากันว่าสร้างมาแต่ในสมัยรัชกาลที่สองของกรุงรัตนโกสินทร์ฯ นับว่าแปลกกว่าเสาหลักเมืองของทุกจังหวัด มีการอัญเชิญพระพิฆเนศสลักด้วยหิน องค์ใหญ่มาตั้งทับบนจุดที่ฝังอาถรรพณ์ เป็นยอดของเสาหลักเมือง เพื่อเป็นเคล็ดในการปกปักษ์รักษาเมือง สนใจไปไหว้สาบูชากันได้ที่ศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรปราการครับ แต่ที่ผู้เขียนจะขอนำเสนอในคอลัมน์นี้เป็นวัตถุมงคลรูปแบบพระพิฆเนศของหลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน เกจิอาจารย์ชื่อดังผู้เปี่ยมเมตตาและมีพลังทางจิตที่เข้มขลัง โดยตัวหลวงปู่หงษ์นั้นมีความเกี่ยวพันกับองค์พิฆเนศอย่างน่าอัศจรรย์

( รูปพระพิฆเนศ หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน )

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เป็นพระภาวนาจารย์ มีจริยวัตรอันงดงาม ถือธุดงควัตรอยู่ป่าช้าเป็นนิจ ออกธุดงค์ และศึกษากับครูบาอาจารย์ ณ เมืองต่างๆ มากมายในประเทศกัมพูชา นานถึง 39 พรรษา รวมครูบาอาจารย์ของท่านกว่า 160 องค์ ศึกษาพระกัมมัฏฐาน วิชาอาถรรพณ์ 7 มุมเมือง และสรรพวิชาต่างๆเรียกว่าพร้อมไปด้วยทั้งพุทธเวทย์และไสยเวทย์

เมื่อครั้ง หลวงปู่หงษ์ยังธุดงค์อยู่กัมพูชา หลวงปู่เล่าว่า ตลอด 10 ปี ที่อยู่ในป่า สามารถสัมผัสและเห็นพระพิฆเนศมาตลอด องค์พิฆเนศยังได้ถ่ายทอดวิชาให้แก่ หลวงปู่หงษ์ โดยบอกกับหลวงปู่ว่าเพราะหลวงปู่เคยเกิดในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เคยบูชาและนับถือเทพศาสนาพราหมณ์มาก่อนที่จะนับถือพุทรศาสนาในตอนปลายของอดีตชาติ พอมาในชาตินี้จึงสามารถสื่อสารพระพิฆเนศและพระศิวะได้ เนื่องจากเคยบูชาเกื้อหนุนกันมาแต่ชาติก่อน เป็นเหตุให้หลวงปู่ได้สร้างวัตถุมงคลรูปแบบองค์พระพิฆเณศขึ้นมาเพื่อเป็นการระลึกถึงและบูชาครูผู้ประสิทธ์ประสาทวิชา ทางผู้เขียนขออนุญาตนำบทความส่วนนึงจาก SIAM Collection มาลงประกอบเพื่อเผยแพร่คุณขององค์พิฆเนศและหลวงปู่หงษ์ ครับ

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์ โดย เสกสรร พรหมนุช

ครั้งหนึ่งนานแล้ว ผู้เขียนได้บูชาพระพิฆเนศมาจาก ท่าพระจันทร์ แล้วนำมาให้หลวงปู่หงษ์ท่านเสก ท่าน บอกว่า “เทพองค์นี้วิชาเยอะมาก เป็นอาจารย์ของยักษ์ (อาจจะเป็นเทวดาพวกหนึ่ง) สมัยเดินธุดงค์ ท่านได้ ตามรักษาหลวงปู่เป็นเงาตามตัว เดินตามหลังตลอด เป็นเวลา 15 ปี ท่านบอกว่าไม่มีใครเห็น มีแค่ท่านเห็น อยู่องค์เดียว”

เนื่องจากอยู่ด้วยกันมานาน จึงสนิทสนมกันมาก ท่าน เลยเรียกพระพิฆเนศว่า “อาจารย์ทวด”
เราก็คิดเองว่า เวลาท่านอยู่องค์เดียว อาจจะมีพระ พิฆเนศเป็นเพื่อนคุย เลยสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ท่าน เล่าให้ฟังว่า เวลาเสกพระต่างๆ แค่หลวงปู่ขึ้น “สักเค กาเมฯ ” ท่านก็ลงมาเสกแล้ว รวดเร็วมากจริงๆ และ เมตตามาเสกบ่อยที่สุด (เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ก็เลยไม่ได้ไป แสวงหาพระพิฆเนศจากที่อื่นเลย)

เรียกได้ว่าหากเป็นวัตถุมงคลรูปแบบพระพิฆเนศที่สร้างและเสกจากหลวงปู่หงษ์นี้รับรองว่าดีเข้มขลังมีพลังไม่แพ้สำนักหรือวัดใดในสยามอย่างแน่นอนครับ วัตถุมงคลมีหลากรุ่นหลายแบบสนนราคาก็ยังพอเช่าหาเช่าเก็บกันได้ รับรองว่าใช้แล้วดีมีอนาคตแน่นอนครับ

คราวหน้ามาลุ้นกัน ว่าจะนำเสนอองค์ไหนหรือตำนานอะไรครับ

เขียนโดย ต้น คนชอบพระ

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก สื่อโซเซี่ยล ครับ

ปล. หากมีวัด ศาสนถาน โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯใดที่ต้องการประชาสัมพันธ์การขายวัตถุมงคลหรือบริจาคเพื่อการกุศลอย่างแท้จริง ทางคอลัม์พระบ้าน ยินดีประชาสัมพันธ์ให้ฟรีครับ
สนใจลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ ติดต่อ 0818214442 ต้น