”รรท.ผบ.ตร.ต่าย “ยก”บางซื่อโมเดล”กำชับเร่งแก้ไขปัญหารถแท็กซี่-สามล้อ จอดแช่รับผู้โดยสาร ชี้ สำเร็จถึง 98% การจราจรคล่องตัวขึ้น พร้อมเน้นย้ำหากมีตำรวจเรียกรับผลประโยชน์ต้องดำเนินการทางวินัยเด็ดขาด
วันที่ 27 พ.ค.67 เวลา 10.00น.ที่ศปก.ตร.ชั้น 20 ตร.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รรท.ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมแก้ไขปัญหารถโดยสารสาธารณะขนาดเล็กที่จอดรถรับผู้โดยสารทำให้เกิดปัญหาจราจร ว่า หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากลงพื้นที่หน้าสถานีขนส่งหมอชิตและฝั่งตรงข้ามสถานีขนส่งรถโดยสารขนาดเล็ก ถนนกำแพงเพชร 2 พื้นที่ สน.บางซื่อ ได้นัดหมายผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ตร. และกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ประชุมรับทราบแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่ามีผลอย่างไรบ้าง ซึ่งได้รับรายงานมาโดยตลอดว่ามีการแก้ไข และส่วนตัวก็ลงพื้นที่ไปดูทุกวัน ที่ผ่านมาพบว่าจุดนี้เป็นจุดใหญ่ที่แท็กซี่จอดรอคิวผู้โดยสาร ทำให้เสียช่องทางจราจรไปอย่างน้อยสองช่องทาง รถที่ขับลงมาจากทางด่วนกำแพงเพชร 2 ชะลอตัว ซึ่ง ผู้กำกับการ สน.บางซื่อ ได้ประชุมและลงพื้นที่ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กรุเงทพทหานคร และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยหรือ กทพ. ตลอดจนฝ่ายที่เกี่ยวข้องจนนำมาสู่การแก้ไขปัญหา สิ่งหนึ่งที่คิดว่าเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการปฎิบัติของตำรวจคือการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดและจริงจัง เพราะที่ผ่านมาสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมานานจนทำให้เป็นวัฒนธรรมของความเคยชินว่าจุดนี้จอดได้ และได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการคนขับรถโดยสารขนาดเล็กเป็นอย่างดี แต่ก็มีบางคนที่ยังฝ่าฝืนเข้ามาจอด ตำรวจได้เข้าไปตักเตือน แต่ถ้ายังไม่ฟังก็ต้องบังคับใช้กฎหมายจับกุม ทำให้การจราจรหน้าสถานีขนส่งรถโดยสารขนาดเล็กสำเร็จไปถึง 98%
ส่วนหน้าสถานีขนส่งหมอชิต ได้เปิดพื้นที่ด้านในให้แท็กซี่เข้าไปจอดรอและรับส่งผู้โดยสาร ทำให้ช่องทางจราจรติดฟุตบาทด้านหน้าสถานีขนส่งไม่มีรถแท็กซี่จอดอยู่เหมือนก่อนหน้านี้ การจราจรก็คล่องตัวขึ้น ถือเป็นความสำเร็จที่ตำรวจในพื้นที่มีความตั้งใจและจะเดินหน้าต่อไป
ส่วนที่ถนนราชดำริ ฝั่งด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทาง ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี สน.ปทุมวัน และ สน.พญาไท ได้ทำรูปแบบเดียวกับที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต ซึ่งเคยลงพื้นที่ตรวจสอบและประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งตอนนี้ดีขึ้นรรท.ผบ.ตร.กล่าวว่าวันนี้จะสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลและคณะทำงานแก้ไขปัญหาจราจรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหนังสือสำรวจทุกแห่งในพื้นที่ กทม. เพราะขณะนี้รูปแบบที่เคยใช้ในพื้นที่ สน.บางซื่อ ถือว่ามีความชัดเจนแล้วว่าจะทำอย่างไรถึงจะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด ซึ่งความสำเร็จอาจไม่ได้เกิดเพียงวันนี้แต่ต้องใช้เวลา
ส่วนจุดอื่นใน กทม.จะขอรวบรวมข้อมูลก่อน และตรวจสอบวางแผนโดยใช้รูปแบบ”บางซื่อโมเดล”ในการแก้ปัญหา พร้อมย้ำว่าตำรวจต้องจริงใจในการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันก็ต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการและคนขับรถโดยสารสาธารณะขนาดเล็ก ให้เข้าใจตำรวจและให้ความร่วมมือด้วย เพราะกำลังแก้ปัญหาจราจรให้ผู้ใช้รถใช้ถนน และต่อไปก็จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้ใช้รถใช้ถนน ให้ใส่หมวกกันน็อก ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ซึ่งจะค่อย ๆ แก้ปัญหาทีละอย่าง แต่การจะสร้างวินัยและความเคยชินให้เกิดการเคารพกฎจราจรต้องใช้เวลา ให้เกิดความเคยชินในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ก่อน จากนั้นความร่วมมือจะตามมาเรื่อย ๆส่วนจะขยายไปต่างจังหวัดด้วยหรือไม่นั้น จะดูควบคู่กันไปในจุดที่คิดว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากวัฒนธรรมของความเคยชิน แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการและคนขับรถในที่สุดก็จะให้ความร่วมมือเพื่อส่วนรวม
ส่วนปัญหาเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ ถ้ายังดื้อดึงและมีข้อมูลที่ตรวจสอบได้ก็ต้องยอมรับการดำเนินการของผู้บังคับบัญชาที่จะดำเนินการทางวินัย แต่ยังเชื่อว่าจากโมเดลที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.บางซื่อ สน.ลุมพินี สน.ปทุมวัน และ สน.พญาไท ตำรวจพร้อมพร้อมที่จะทำงานอย่างเข้มข้น ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายถ้าจับอย่างเดียวก็เป็นผลดี ทำให้คนกลัวและเคารพกฎหมาย แต่ขอให้คำนึงถึงความเป็นอยู่ของผู้ประกอบการและผู้ขับรถสาธารณะขนาดเล็กด้วย ซึ่งต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่ไปกับหลักนิติศาสตร์ ส่วนอะไรที่แนะนำหรือตักเตือนได้ ก็อยู่ในช่วงที่ประชาสัมพันธ์ว่าจะบังคับใช้กฎหมายเต็มที่ แต่ถ้าให้ความร่วมมือดีก็อาจจะใช้หลักการปกครองแบบ พื้นที่ สน.มักกะสัน ได้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานเอกชนจัดพื้นที่ข้างในให้ เป็นการแก้ปัญหาให้ทุกระบบและทุกฝ่ายพึงพอใจร่วมกัน
รรท.ผบ.ตร.กล่าวถึงผลการจับกุมในพื้นที่ สน.ประชาชื่น ว่าได้มีการตักเตือนไปหลักร้อยและจับกุมหลักสิบในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งได้รับรายงานว่าพบการฝ่าฝืนและจอดแช่ 4-5 รายต่อวัน ซึ่งปกติจะจอดเป็นแนวยาวกว่า 100 เมตร พอเข้าไปตักเตือนก็ไม่ฟังจึงต้องบังคับใช้กฎหมาย รวม ๆ แล้วในหนึ่งสัปดาห์ได้รับรายงานตัวเลขมาแล้วประมาณ 40 ราย
สำหรับ ผู้โดยสารที่ถูกเรียกเก็บค่าโดยสารเกินราคาที่กำหนด ขอให้แจ้งตำรวจได้ ซึ่งตนได้กำชับแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็สามารถแจ้งได้ และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป