ตอน อาวุธสุดยอดแห่งท้องนภา

838

อาวุธสุดยอดขององค์อัมรินทร์ที่ช่วยโลกให้พ้นจากภัยแล้ง อ่านสนุกแบบมีทั้งศรัทธาและพาณิชย์ไปกับ คอลัมน์พระบ้าน by ต้นคนชอบพระ

คัมภีร์อรรถกถาได้กล่าวไว้ว่า อาวุธที่ทรงอานุภาพสูงสุดในวัฏฏะสงสารนั้น มี 4 อย่าง คือ

(1) วชิราวุธ ขององค์อินทร์ อานุภาพถึงขนาดที่หากเขวี้ยงใส่เขาพระสุเมรุถึงขั้นอาจไม่มีเขาพระสุเมรุอยู่อีกต่อไป

(2) กระบองของท้าวเวสสุวรรณ เจ้าแห่งเผ่าพงศ์วงศ์ยักษ์ กล่าวกันว่ากระบองนี้ทุบอะไรก็พังหมดไม่สิ่งใดต้านทานได้ หากเอาไปทุบเขาพระสุเมรุ เข่าพระสุเมรุก็พังราบเหลือเศษซากให้ดูต่างหน้าแค่นั้น

(3)ลำดับที่สามคือ ผ้าโพกหัวของอาฬวกยักษ์ ที่พระพุทธองค์ทรงปราบมิจฉาทิฏฐิจนกลายมาเป็นผู้คอยดูแลพระพุทธศาสนา โดยอาวุธของอาฬกยักษ์คือผ้าโพกวเศษที่โพกอยู่บนหัว มีฤทธิ์ร้ายแรงถึงขนาดที่ว่าถ้าอาฬวกยักษ์ถอดผ้าโพกหัวเขวี้ยงออกไปก็ทำลายทุกๆอย่างได้ตามต้องการไม่มีสิ่งใดทานได้

(4) อาวุธสุดยอดลำดับสุดท้ายคือ นัยเนตร หรือตาที่ 3 ขององค์พญายม ที่เป็นมหาราชาในเมืองนรก เมื่อใดที่พญายมลืมตาที่สามนี้ จะเกิดเป็นเพลิงไฟบรรลัยกัลป์ที่ร้อนที่สุด จนสามารถหลอมละลายเผาไหม้ได้ทุกสิ่งอย่าง

( รูปวัชระอาวุธขององค์อินทร์ )

อาวุธสุดแรงฤทธิ์ทั้ง 4 มีอานุภาพไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันแต่ที่เราคุ้นหูกันก็มักจะเป็น วชิราวุธ หรือ วัชระ สุดยอดอาวุธของพระอินทร์ จ้าวแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อันกำเนิดของวัชระนั้นเดิมทีไม่ได้มีรูปร่างอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันเพราะต้นกำเนิดเกิดจากการพลีชีพเพื่อปราบพฤตาสูร โดยท่านฤษีทธีจิ เสียสละสรีระสังขารนำไปให้นายช่างใหญ่แห่งสวรรค์ ท้าววิสสุกรรมเทพบุตร ทำการสร้างอาวุธขึ้น จนได้เป็น “วชิราวุธ” ที่รงอานุภาพเมื่อขว้างไปล้างผลาญศัตรูแล้วอาวุธนี้ก็จะกลับคืนมาสู่ผู้เป็นเจ้าของเสมอ ( เหมือนบูมเมอแรงเนอะ )

องค์อินทร์ได้ขว้างวชิราวุธออกไปกลายเป็นสายฟ้าทำลายถ้ำของพฤตาสูร และตัวพฤตาสูรกับบริวารก็ถูกทำลายสิ้นไปพร้อมกัน และปล่อยหมู่เมฆฝนที่ถูกกักขังไว้ออกมาจนทำให้โลกกลับมามีฝนตกตามเดิม วัชระหรือวัชชิราวุธนั้นโดยดั้งเดิมตามคัมภีร์ฤคเวทนั้นไม่ได้มีสามแฉกแบบที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

“ใช่แล้ว พระผู้แข็งแกร่ง ตวัษฎาได้กลับมาแล้วเพื่อพระองค์ พระผู้ทรงฤทธิ์ ด้วยวัชระที่มีพันแหลมและร้อยคม ด้วยความ กระตือรือร้นและความรวดเร็ว พร้อมด้วยพระองค์ก็ได้ทำลาย แล้วซึ่งงูใหญ่ผู้อวดดี โอ้ พระวีรเทพ” (ฤคเวท 6.17.10)

จากการบรรยายในคัมภีร์มฤคเวท ลักษณะการบรรยายเช่นนี้ก็ยากที่จะมองออกว่าได้ ว่ามันเป็นอาวุธที่มีรูปทรงแบบไหน เพราะมันไม่ได้มีรูปร่างอย่างวชิราวุธที่เรา รู้จักเลย แต่ถ้าลองคิดว่าวชัระคือสายฟ้าก็อาจจะพอเห็นภาพว่า ส่วนคมเป็นร้อยๆ และเป็นพันปล้องมาอยู่บนอาวุธได้อย่างไร สันนิษฐานว่าตอนคนแต่งคัมภีร์นึกถึงวัชระ เผอิญได้เห็นสายฟ้าบนท้องฟ้าพอดีเลยเอามาเป็นสุดยอดอาวุธขององค์อินทร์ซะเลย ( ต้นกำเนิดสายฟ้าของเทพซุสก็คงแบบเดียวกันละมั้ง อิๆ ) ต่อมารูปแบบของวัชระในยุคถัดมามีภาพที่เปลี่ยนไปจนกลายมาเป็นวัชระแบบที่เรารู้จัก

ด้วยเหตุที่วัชระเป็นอาวุธคู่กายขององค์อัมรินทร์ทำให้มีเกจิอาจารย์หลายท่านนำมาเป็นอุปเท่ห์ในการสร้างเป็นวัตถุมงคลและถูกนำมาใช้ปัดเป่าปราบปรามสิ่งชั่วร้ายในพิธีต่างๆมาช้านานยกตัวอย่างเช่นในธิเบตพิธีกรรมของชาวธิเบตจะนิยมนำวัชระใช้คู่กับกระดิ่ง อันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็น สตรีเพศ โดยผู้ที่ทำพิธีจะนำของสองสิ่งนี้มาวางทาบบนอก โดยมองว่าเป็นสัญลักษณ์การรวมเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพลังของชายและหญิง เมื่อรวมเอาทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันจะหมายถึงการปฏิบัติ การกระทำอันดีงาม ความกรุณาปราณี ดังนั้นการใช้กระดิ่งและวัชระร่วมกัน จึงเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานกันระหว่างสติปัญญากับความกรุณาปราณี สำหรับในไทยเรามองว่าวัชระเป็นตัวแทนแห่งพลังอำนาจของสายฟ้ามีอำาจในการปราบปรามสิ่งชั่วร้ายต่างๆโดยเฉพาะสิ่งที่มองไม่เห็น



( รูปวัชระ วัดเมตตาพุทธาราม อินเดีย )

ในอดีตก็มีเกจิอาจารย์หลายสำนักจัดสร้างวัตถุมงคลรูปแบบวัชระขึ้นมาให้ลูกศิษย์ลูกหาได้พกพาติดตัวนัยว่าไว้ปกป้องคุ้มครองภัยและในวันนี้ก็มีของดีมานำเสนออีกแล้วครับท่าน เป็นวัตถุมงคลรูปแบบวัชระที่น่าเสาะหาไว้บูชาก่อนราคาไปไกลเป็นอย่างมากเพราะเสกโดยเกจิอาจารย์ที่กำลังมีชื่อเสียงว่ามีพลังทางจิตที่เข้มขลังปลุกเสกวัตถุมงคลใดล้วนมีประสบการณ์ได้ผลเป็นอย่างดีโดยที่ไม่ต้องเชื่อมจิตแถมผู้จัดสร้างที่มาขอให้ท่านช่วยเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลก็เป็นศาสนสถานที่มีความสวยงามและชื่อเสียงดีแถมตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆกับพุทธคยา อันเป็นศาสนสถานสัญลักษ์สำคัญทางศาสนาพุทธ วัตถุมงคลนั้นก็คือ วชิราวุธ ของวัดเมตตาพุทธาราม ซึ่งจัดสร้างทั้งขนาดสำหรับตั้งบูชาและขนาดเล็กสำหรับพกติดกาย มีมวลสารสำคัญคือ ทองแดงสายล่อฟ้าและเศษชิ้นส่วนโลหะ จากการบูรณะ พระมหาโพธิเจดีย์ พุทธคยา ประเทศอินเดีย พิธีพุทธาภิเษก พิธีเทวาภิเษก ณ พระมหาโพธิเจดีย์ พุทธคยา ประเทศอินเดีย จัดสร้างโดย วัดเมตตาพุทธาราม พุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ในปี พุทธศักราช 2565 โดยวัดเมตตาพุทธารามนี้เป็นพุทธสถานแดนพุทธคยา ประเทศอินเดีย ในอุปถัมภ์ของวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดย พอจ.กฤษฎา สิริวัฒโณ อีกทั้งยังได้นำไปขอเมตตาจากหลวงปู่ศิลาศิริจันโท เกจิสุดเข้มขลังแห่งเมืองกาฬสินธุ์ทำพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว บอกมาถึงตรงนี้คงจะการันตีถึงความศักดิ์สิทธ์เข้มขลังได้เป็นอย่างดี แม้ไม่ได้เป็นวัตถุมงคลที่ออกจากวัดของหลวงปู่โดยตรงแต่ก็น่าเก็บไว้ใช้และเผื่ออนาคตได้เป็นอย่างดี

คราวหน้ามาลุ้นกัน ว่าจะนำเสนอองค์ไหนหรือตำนานอะไรครับ

เขียนโดย ต้น คนชอบพระ
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก สื่อโซเซี่ยลและหนังสือต่างๆ ครับ

ปล. หากมีวัด ศาสนถาน โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯใดที่ต้องการประชาสัมพันธ์การขายวัตถุมงคลหรือบริจาคเพื่อการกุศลอย่างแท้จริง ทางคอลัม์พระบ้าน ยินดีประชาสัมพันธ์ให้ฟรีครับ
สนใจลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ ติดต่อ 0818214442 ต้น