“พิชิต” ยืนยันไม่มีการเชื่อมจิตในพระไตรปิฎก เตรียมเชิญสำนักงาน พศ. ทั่วประเทศ หารือทำความเข้าใจเพื่อทำงานเชิงรุก รับ พศ.ไม่มีอำนาจห้ามเผยแพร่ หรือออกหมายเรียก แต่พร้อมสนับสนุนตำรวจ
(ขอบคุณภาพจากเพจ นิรมิตเทวาจุติ)
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 17 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.30 น. นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รมต.นร.) ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.พศ. นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผอ.พศ. จังหวัดนครปฐม ในฐานะคณะทำงานตรวจสอบ กลั่นกรอง ข้อมูล ข่าวสาร และการกระทำอันอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา และนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ร่วมแถลงข่าวกรณีเด็กเชื่อมจิต “อาจารย์น้องไนซ์” หรือ ด.ช.นิรมิต วัย 8 ขวบ ผู้ที่อ้างตนเป็นร่างอวตารองค์เพชรภัทรนาคราช มีความสามารถในการ “เชื่อมจิต” และ “หยั่งรู้” เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งอดีตและอนาคต
นายพิชิต กล่าวว่า การแถลงข่าววันนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะใส่ร้ายบุคคลใดที่เกี่ยวข้องหรือสร้างความแตกต่าง ความขัดแย้งใด ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องใช้สติ มีศีล สมาธิ และปัญญาที่จะต้องตัดสินใจให้ถูกต้องตามหลักธรรมคำสอน ในส่วนของประเด็นข้อสงสัยที่มีการพูดถึงการเชื่อมจิตเชื่อได้หรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า การกล่าวอ้างดังกล่าวไม่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก และพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทไม่มีเรื่องการเชื่อมจิต ซึ่งในประเทศไทยยึดฝ่ายเถรวาทเป็นหลัก
ทั้งนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจะร่วมทำงานเชิงรุกกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ ร่วมกันหารือ ซึ่งการล่วงละเมิดกฎหมายบ้านเมืองเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่จะต้องมีการพิจารณาว่ามีใครเสียหายหรือไม่ โดยจะรายงานเรื่องดังกล่าวไปยังมหาเถรสมาคมให้รับทราบในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ และจะเชิญผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติทั่วประเทศ มาทำความเข้าใจและให้นโยบายเชิงรุกในวันพุธที่ 29 พฤษภาคมนี้ ณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พุทธมณฑล สาย 4 อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
ด้านผอ.พศ. กล่าวว่า ทางพศ.ไม่ได้นิ่งนอนนอนใจ ที่ผ่านยมาได้รวบรวมข้อมูล คลิป รายละเอียดข่าวสารต่าง ๆ เพื่อดำเนินการขั้นต่อไป นอกจากนี้หากมีคำสอนที่ผิดเพี้ยนก็ได้กราบนมัสการพระมหาเถระ และขอคำปรึกษาคำแนะนำ ซึ่งเรื่องนี้ต้องดำเนินการอย่างมีสติและรอบคอบ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว
ทั้งนี้นายอินทพรกล่าวยอมรับว่า พศ. ไม่มีอำนาจในการห้าม หรือระงับยับยั้งบุคคลที่เผยแพร่คำสอนทางพระพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎก แต่ได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ทำงานร่วมกันอย่างรอบคอบ รัดกุม ส่วนอำนาจเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการใดก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการกฎหมายที่หน่วยงานนั้น ๆ รับผิดชอบ
ในส่วนภาคเอกชนที่มีการยื่นเรื่องไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นที่เรียบร้อย เป็นหน้าที่ของ พศ. ในการให้ความกระจ่าง และข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายไว้ ทั้งนี้ เรื่องหลักธรรมคำสอนขอให้เป็นหน้าที่ของมหาเถรสมาคม ในการควบคุมกำกับดูแลให้เรียบร้อย และจะเตรียมเข้าประชุมมหาเถรสมาคมเพื่อทราบและจะรายงานให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ด้านนายบุญเชิด กล่าวว่า การเชื่อมจิตนั้นนอกจากไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกแล้ว ยังขัดต่อหลักธรรมคุณ 6 ประการ ซึ่งธรรมของพระพุทธองค์นั้น ผู้ใดปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตัวเอง ผู้ใดไม่ปฏิบัติ ไม่บรรลุ ผู้อื่นจะบอกก็เห็นไม่ได้ อีกทั้งวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ทั้งนี้ กรณีการเชื่อมจิตนั้น เป็นเรื่องไม่จริง
“สิ่งที่แถลงในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถนำไปเป็นพยานหลักฐานเพื่อทำความเข้าใจ รวมทั้งสามารถเชิญ ผอ.พศ.จังหวัดปทุมธานีไปทำการสอบสวนเพื่อให้ได้ความจริง ส่วนการละเมิดกฎหมายเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการต่อไป ส่วนในประเด็นครอบครัวหรือเด็กนั้นทางกรมกิจการเด็กและเยาวชนได้เข้ามาดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง พศ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันทำงานเชิงรุก แต่การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญานั้น พ.ศ.ไม่มีอำนาจที่จะไปออกหมายเรียกได้ เป็นเรื่องของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างไรก็ดีเราพร้อมเป็นพยานและสนับสนุน” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย