ที่กระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และมาเลเซีย โดยกล่าวเปิดการประชุม โดยระบุว่า หลายประเทศมีผู้นำรุ่นใหม่ คณะรัฐมนตรีใหม่ จึงอยากให้ทุกคนได้ติดตามศึกษาแนวคิดใหม่ๆ ของแต่ละประเทศซึ่งส่วนใหญ่มาจากแนวคิดประชาธิปไตยตะวันตก รวมถึงประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม โดยขอให้ศึกษารายละเอียดให้ดี เหล่านี้เป็นเรื่องที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ยังอยู่ในกรอบไม่ต่างจากของเดิมมากนัก เพราะผู้นำต่างก็สืบสานต่อกันมา
“ในส่วนของการทำงานร่วมกับผู้นำรุ่นใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะบางอย่างได้ทำไปแล้ว บางอย่างกำลังทำอยู่ บางครั้งของเดิมก็ดีอยู่แล้วแต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล ต่างประเทศก็จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าทีบ้างเล็กน้อย เราจะต้องสร้างความเข้าใจว่าสิ่งที่ทำมาแล้วถ้าเปลี่ยนแปลงทั้งหมดด้วยการเมืองก็จะอันตรายเพราะมีตัวอย่างอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสริมว่า ในการเจรจาข้อตกลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้ว และจะมีขึ้นในอนาคตต้องได้รับการติดตามทบทวนปรับปรุงให้ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ในการทำงานเราจะต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์อาเซียน ไม่เช่นนั้นเราคงอยู่ไม่ได้จนถึงวันนี้ โดยเฉพาะประเทศไทยคงไม่อยู่รอดปากเหยี่ยวปากกาได้จนถึงวันนี้ นั่นคือเทคนิคและแนวคิดพื้นฐาน
“อยากให้ทุกคนไปทบทวนด้วย ทูตต่างประเทศจะต้องรู้ปัญหาและอุปสรรคของประเทศไทย เพื่อที่จะได้นำเสนอแก่ฝ่ายการเมืองของต่างประเทศ พร้อมหาแนวทางแก้ไข และทุกกระทรวงต้องมี Big data เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน โดยต้องมีการแยกประเภทฐานข้อมูลให้มีความชัดเจน ตรงต่อความต้องการของประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ความเป็นอาเซียนรู้อยู่แล้วว่าต้องระมัดระวัง เพราะอย่างไรก็คืออาเซียน อาเซียนนั้นพัฒนาแตกต่างจากตะวันตก เพราะทำได้ค่อนข้างช้า ค่อนข้างตกลงกันไม่ได้ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลนโยบายต่างๆ ก็เปลี่ยน ต่างจากตะวันตกที่ไม่ค่อยเปลี่ยนมากนัก มีเพียงนโยบายไม่กี่เรื่องที่จะเปลี่ยน จะเห็นว่าในทางตะวันตกไม่ค่อยมีปัญหารายละเอียดในเวทีต่างประเทศ อาเซียนเป็นประเทศที่มีรายได้น้อย มีปัญหามาก ทำให้เรื่องหลักๆ เดินหน้าไม่สำเร็จเสียที เรายังไปไม่ถึงจุดที่ชาติตะวันตกเป็น จะทำอย่างไรที่จะไปถึงจุดนั้นได้ แม้หลายแนวคิดจะดีแต่เรายังไปไม่ถึง
“มีหลายฝ่ายอยากให้เราไปถึงตรงโน้น เอาเรื่องราวนั้นมาใส่เข้าไป แล้วปัญหาเราที่มันมีมากอยู่แล้วก็มากขึ้นไปเรื่อยๆ กระทั่งหาทางออกไม่ได้ นั่นก็ทำให้ทำงานไม่ได้ ทุกคนรู้หมด นักวิชาการ สื่อมวลชน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร และไม่รู้ในสิ่งที่เราทำไปแล้ววันนี้ เขาต่างพูดไปด้วยหลักการ ผมจะไปทะเลาะกับเขาไม่ได้ ทุกคนจะต้องช่วยกัน เพราะนี่คือรายละเอียดที่จะทำให้งานสำเร็จ สิ่งสำคัญที่สุดในนโยบายต่างประเทศ คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่อาเซียนทางพฤตินัย ไม่ใช่การกล่าวอ้างว่าเราจะเป็นผู้นำอาเซียน เราจะต้องเป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลงในอาเซียนให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว