นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอเรียกร้องให้ สนช.หยุดแทรกแซง กกต. เพราะประเทศนี้ไม่ใช่ของพวกคุณกลุ่มเดียว โดยมีเนื้อหาใจความว่า ตามที่มีสมาชิก สนช. 36 คนเข้าชื่อกันเพื่อเสนอแก้ไข พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ในประเด็นการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิโดยชอบของ กกต.ในการออกระเบียบภายในเพื่อให้เป็นไปตามบริบทของกฎหมาย กกต. แต่การที่ สนช. ออกมาจุ้นจ้าน ถึงขั้นเสนอแก้ไขกฎหมาย กกต. ที่บังคับใช้มาไม่ถึงปี เพียงเพราะไม่พอใจการมีมติเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้น ถือว่าเป็นการแทรกแซงการทำงานของ กกต. โดยแท้
การกระทำดังกล่าวของ 36 สนช. เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่มีคุณภาพในการออกกฎหมาย เอาแต่ใจตนเองและเป็นการแทรกแซงการทำงานของ กกต. อย่างน่าเกลียดที่สุด ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในแผ่นดิน ซึ่งที่ผ่านมาสนช.ก็ใช้อำนาจทางนิติบัญญัติสะท้อนวุฒิภาวะของตนหลายประการ เช่น การเลือกเซตซีโร่บางองค์กร บางองค์กรไม่เซตซีโร่ หรือการโล๊ะทิ้งกรรมการองค์กรอิสระที่ผ่านกระบวนการสรรหามาแล้ว การออกกฎหมายหรือแก้ไขกฎหมายโดยกำหนดในบทเฉพาะกาลให้กลุ่มคนบางกลุ่มยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ขัดกระบวนการออกกฎหมายที่เป็นสากล การที่ กกต.เร่งออกระเบียบและคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง ก็เพื่อที่จะมีกลไกนำไปสู่การเลือกตั้ง สว. และ สส.ตามโร๊ดแม็ปของ คสช. ทั้งสิ้น จะได้ไม่ต้องหายใจทิ้งไปวันๆ หรือกินเงินเดือนภาษีประชาชนไปวัน ๆ เหมือนพวกที่ชอบหนีหรือลาประชุมสภาบ่อยๆ
สนช.มีหน้าที่ออกกฎหมาย ดังนั้นการออกกฎหมายแต่ละฉบับต้องรอบคอบ เพราะต้องนำไปใช้บังคับเอากับคนทั้งประเทศ ที่ผ่านมาต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าได้บัญญัติกฎหมายไปโดยไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม หลักนิติรัฐ นิติประเพณี มีความเสมอภาค ไม่กระทบต่อสิทธิของบุคคลและประโยชน์ของรัฐหรือไม่ ดังนั้น การเสนอแก้กฎหมาย กกต. ทั้ง ๆ ที่เพิ่งประกาศใช้ไม่ถึงปี เพียงเพราะไม่พอใจการเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งของ กกต.ชุดปัจจุบันนั้น ถามท่าน สนช.ทั้ง 36 คนว่า มีใบสั่งจากใครหรือไม่ หรือเป็นกลเล่ห์ฉลที่จะยื้อการเลือกตั้งออกไปอีก ซึ่งจะทำให้ตนเองและพวกพ้องสามารถอยู่ในอำนาจและใช้เงินภาษีของประชาชนได้ยาวนานยิ่งขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ สนช.ต้องตรวจสอบการทำหน้าที่ของตนเองว่าที่ผ่านมาได้ทำงานเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนทั้งประเทศแล้วหรือไม่ หรือเพื่อตอบสนองเฉพาะผู้มีอำนาจเป็นที่ตั้ง ไม่เช่นนั้นจะถูกสังคมไทยดูแคลนได้ว่าเป็นพวกไม้หลักปักเลน ไม่มีหลักยึดอะไรเลย ดังนั้น ขอให้หยุดแทรกแซงการทำงานของ กกต.และถอนร่างแก้ไข พรป.กกต.ออกมาเสียก่อนที่สังคมไทยจะประณามหยามหมิ่นพวกท่านมากไปกว่านี้ และที่สำคัญประเทศนี้ไม่ใช่ของพวกท่านเพียงกลุ่มเดียว ที่นึกอยากจะทำอะไรก็ได้โดยไม่ฟังเสียงของประชาชน และต้องสำเหนียกอยู่เสมอว่า “พวกท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน”