“นายกฯ ถวายการต้อนรับการเสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 12 ปี ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ เน้นย้ำความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยาวนานกว่า 40 ปี หารือเต็มคณะ กระชับความร่วมมือทุกมิติ พร้อมลงนามบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 29 เมษายน 2567 เวลา 10.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จสมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ (His Majesty Sultan Haji Hassanal Bolkiah Mu’izzaddin Waddaulah) แห่งบรูไนดารุสซาลาม ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล โดยทรงร่วมพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ จากนั้นคณะรัฐมนตรีกราบบังคมทูลแนะนำตัว ก่อนทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม และทอดพระเนตรของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายจะมอบให้แก่กัน จากนั้นจึงมีการหารือเต็มคณะของทั้ง 2 ฝ่าย
โดยนายเศรษฐากล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ถวายการต้อนรับการเสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชาธิบดีฯ ซึ่งตรงกับโอกาสครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – บรูไนฯ และเป็นโอกาสติดตามผลการเยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม 2566 พร้อมแสดงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดทุกมิติ
สมเด็จพระราชาธิบดีฯ มีพระราชดำรัสตอบกลับว่า ตลอด 40 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศ ไทย-บรูไนฯ มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งการเสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 12 ปี เป็นโอกาสอันดีที่จะได้หารือถึงความร่วมมือในทุกมิติ ทรงยินดีที่การเยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมทั้งด้านการค้า การลงทุน ความร่วมมือด้านเกษตรกรรม การศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน เป็นต้น โดยบรูไนฯ มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ต่าง ๆ ร่วมกัน
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพระหว่างกัน ในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ที่ต้องการเพิ่มการค้าทวิภาคีจาก 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้วได้ โดยพร้อมเสนอให้มีการตั้งกลไกการค้าทวิภาคีในระดับนโยบายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าโดยเฉพาะ ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานการลงทุนบรูไนฯ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการของไทย ในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการกระชับความร่วมมือด้านการลงทุน พร้อมหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะแสวงหาการลงทุนที่มีศักยภาพ และมีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะด้านอาหารและการเกษตร การดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว พลังงานทดแทน และสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ไทยและบรูไนเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยไทยถือเป็นประเทศที่มีผลิตภัณฑ์ฮาลาลคุณภาพสูง ส่วนการท่องเที่ยว ไทยและบรูไนฯ ยินดีต่อการลงนาม MOU ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในวันนี้ โดยบรูไนฯ ชื่นชมไทยสำหรับโครงการ “6 ประเทศ 1 จุดหมายปลายทาง” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ธนาคารกลางบรูไนฯ ในการพัฒนาระบบการชำระเงินที่รวดเร็ว และการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งนี้ ไทยยินดีที่บรูไนฯ ได้เข้าร่วม และลงนามใน MoU ว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยง การชำระเงินในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงทางการเงินในอาเซียน
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีซาบซึ้งต่อรัฐบาลบรูไนฯ ที่มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนไทย โดยเฉพาะจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปศึกษาศาสนาอิสลามในประเทศบรูไนฯ พร้อมขอเสนอให้ทั้งสองฝ่ายเร่งจัดทำบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจ้างงานแรงงานไทยในบรูไนฯ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษา และการพัฒนาโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OVOP)
ด้านการต่างประเทศ ไทยเห็นพ้องในหลักการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Centre for Climate Change: ACCC) ในประเทศบรูไน ขณะที่ไทยและบรูไนฯ ต่างมุ่งหวังเห็นเมียนมาที่สงบสุข มั่นคง และเป็นเอกภาพ บรูไนฯ ชื่นชมการสนับสนุนทางด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาของไทย และพร้อมสนับสนุนความพยายามของไทยทางด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา
ทั้งนี้สมเด็จพระราชาธิบดีฯ มีพระราชดำรัสแสดงความเสียใจต่อผลกระทบของคนไทยในเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และมุ่งหวังที่จะให้ทุกฝ่ายหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติ สำหรับไทยนายกฯ กล่าวว่าได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่คนไทยในพื้นที่ พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าการเจรจา และบรรลุการหยุดยิงด้านมนุษยธรรม
ต่อจากนั้น เวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรี และสมเด็จพระราชาธิบดีฯ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานการลงทุนบรูไนฯ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการของไทย และ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงทรัพยากรพื้นฐานและการท่องเที่ยวแห่งบรูไนฯ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจัดถวายเลี้ยงพระกระยาหารกลางวันแด่กษัตริย์บรูไน