“รรท.ฯต่าย” ยอมรับยังไม่ได้รับรายงานผู้บริหารสาวเว็บดังระดับโลก เมาแล้วขับถีบหน้ารองผู้กำกับ บก.จร. ย้ำหากใครทำผิดต้องถูกดำเนินการตามกฏหมายไม่ละเว้น
วันที่ 26 เมษายน 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ยอมรับว่าในขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานกรณีผู้บริหารสาววัย 51 ของเว็บไซต์ชื่อดัง ระดับโลกเมาแล้วขับ ถูกตำรวจ บก.จร.จับกุมที่บริเวณมอเตอร์เวย์ขาเข้า ก่อนส่งตัวพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลประเวศ แต่ในระหว่างนั้น ผู้ถูกกล่าวหามีการใช้คำหยาบด่าทอเจ้าหน้าที่ รวมทั้งมีการใช้เท้าถีบบริเวณใบหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรองผู้กำกับได้รับบาดเจ็บ
ซึ่งเบื้องต้นตำรวจก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธ ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะเอาผิดกรณีทำร้ายร่างกายดังกล่าว
แต่ในส่วนของหลักกฎหมาย หากผู้ใดที่ได้มีการกระทำความผิดต่อเจ้าหน้าที่ในระหว่างปฎิบัติหน้าที่ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ละเว้น ส่วนจะดำเนินคดีในฐานความผิดใดตำรวจพื้นที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน
อีกทั้งในเรื่องกรณีดังกล่าวจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมาหรือไม่ หรือว่าเกิดเมื่อคืนตนยังไม่ได้ได้รับรายงานแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก.5 บก.จร. ระบุว่า ในวันนั้นตั้งด่านตามปกติจนมีรถของสาวคนดังกล่าวขับเข้ามา เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งเจ้าซึ่งเจ้าตัวก็ยินยอมให้ความร่วมมือ เมื่อเป่าพบว่ามีแอลกอฮอล์เกิน 104 มิลลิกรัมจึงได้เชิญตัวลงจากรถเพื่อส่งตัวไปยังสน.ประเวศเพื่อดำเนินการต่อไป แต่ทางเจ้าตัวได้มีขัดขืนพร้อมด่าทอและขัดขืนเจ้าหน้าที่จึงได้ใส่กุญแจมือ ซึ่งก่อนจะใส่ได้มีการแจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาไปแล้ว และระหว่างจบกุมไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุ ซึ่งตนได้ทำหน้าที่ตามปกติให้เกียรติผู้ต้องหาที่เป็นผู้หญิงแทบจะปูพรมแดงให้ขึ้นรถ
โดยเจ้าตัวยังคงขัดขืนเจ้าหน้าที่ จึงได้ตัดสินใจรวบขาสองขาเพื่ออุ้มขึ้นรถ โดยระหว่างผู้ก่อเหตุอยู่ในได้มีอาการนิ่งสงบเจ้าจึงวางใจ จังหวะที่ พ.ต.ท.ดาราธร ฯจะหันไปปิดประตู ผู้ก่อเหตุได้ใช้รองถีบเข้ามาที่บริเวณแก้มด้านขวา แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากใส่หมวกกันน็อกบก.จร.ในการปฏิบัติงาน มีเพียงแค่รอบพกซ้ำเล็กน้อย
จากนั้นได้นำตัวผู้ก่อเหตุส่งสน.ประเวศ เพื่อไปดำเนินคดี พ.ต.ท.ดาราธร เล่าว่า ระหว่างที่จนขึ้นไปบนสน.ประเวศ ผู้ก่อเหตุได้อยู่กับลูกน้องของตนเองซึ่งตัวผู้ก่อเหตุก็ยังด่าทอเจ้าหน้าไม่หยุด โดยคำที่แรงที่สุดที่ลูกน้องแจ้งตน คือ “อีชั้นต่ำ” ซึ่งคำพูดนี้กระทบกับใจรวมถึงความรู้สึกของลูกน้องอย่างมาก ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงเที่ยงอีกวันตนต้องค่อยปลอบลูกน้อง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า เคยถูกดำเนินคดีเมาและขับเมื่อจุดนี้เมื่อปี 2565 และศาลพิพาทษารอลงอาญา 2 ปี ซึ่งตนไม่ทราบในรายละเอียดของผู้ก่อเหตุเมื่อ 2 ปีก่อน เนื่องจากยังไม่ได้รับตำแหน่งแต่ทราบว่าจากลูกน้องคร่าวๆว่าหน้าคุ้มจึงทำการตรวจสอบประวัติ
โดยในช่วงท้าย พ.ต.ท.ดาราธร ฝากถึงคู่กรณีว่า “ในเมื่อผมให้เกียรติคุณ แต่คุณไม่ให้เกียรติผม ผมก็ไม่จำเป็นให้เกียรติคุณ” และในกรณีที่ผู้ก่อเหตุปฏิเสธในข้อหาทำร่างร้ายกาย พ.ต.ท.ดาราธร มองว่า เป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่ยืนยันว่าตนมีภาพคลิปวีดีโอเป็นหลักฐาน
ขณะที่ พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร รองผบก.จร. เปิดเผยว่า สำหรับกรณีนี้หลังเกิดเหตุได้มีการรายงานไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลต้นสังกัดและมีการทำรายงานต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือเมาแล้วขับ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และทำลายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ส่วนข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะนี้อยู่ระหว่างการแกะเสียงจากกล้องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเข้าข่ายการดูหมิ่นหรือไม่และจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามไปภายหลัง เบื้องต้นพบว่ามี 1 ประโยคที่เข้าข่ายคือคำว่าอีชั้นต่ำ