ไทยสร้างไทย ชี้ รัฐขอกู้ ธกส.แจกเงินดิจิทัล 10,000บาท ส่อผิดวัตถุประสงค์ ระบุ หนี้จำนำข้าวยังจ่ายไม่ครบ แต่มาแจก 10,000บาทเพิ่ม อาจดึงสถาบันการเงิน ของพี่น้องเกษตรกร เข้าสู่ภาวะความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง กระทบต่อรายได้และเงินกองทุนของธนาคารทั้งในปัจจุบันและอนาคต
จากกรณีที่รัฐบาลประกาศว่าแหล่งที่มาของเงินโครงการแจกเงินดิจิทัล จำนวนหนึ่งจะมาจาการกู้ยืม ธ.ก.ส. โดยจะให้กับประชาชนที่อยู่ในข่ายที่เป็นเกษตรกรซึ่งขึ้นทะเบียนกับ ธ.ก.ส. จำนวน 172,300 ล้านบาท นายศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ในฐานะอดีตนักวิชาการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตั้งข้อสงสัยว่า อาจเกิดอันตรายขึ้นกับสถาบันทางการเงินเฉพาะกิจที่เป็นที่พึ่งของเกษตรกร และประเทศชาติโดยส่วนรวม และจะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นข้อถกเถียงที่แต่ละฝ่ายได้นำมาตรา 9 (3) แห่ง พ.ร.บ. ธ.ก.ส. มาเป็นหลักในการพิจารณา โดยฝ่ายรัฐบาลเห็นว่ามาตรานี้เปิดช่องให้สามารถกระทำได้
นายศักดิ์ณรงค์กล่าวว่า ขอนำเสนอรายละเอียดของมาตรา 9 ให้สังคมได้พิจารณา เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันถึงเจตนารมณ์ และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งธนาคาร ธนาคารมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1) ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกรหรือ สหกรณ์การเกษตร สำหรับการ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม ประกอบอาชีพอย่างอื่นเพื่อเพิ่มรายได้ พัฒนาความรู้ด้านเกษตรกรรม หรืออาชีพอย่างอื่นเพื่อเพิ่มรายได้ หรือพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร หรือครอบครัวของเกษตรกร ดำเนินกิจการตามโครงการที่เป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรม ซึ่งเป็นการดำเนินการร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มรายได้หรือพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรหรือครอบครัวของเกษตรกร
2) ประกอบธุรกิจอื่นอันเป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรม 3) ดำเนินงานเป็นสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาชนบท โดยให้ความช่วยเหลือทางการเงินหรือการบริหารจัดการแก่บุคคล กลุ่มบุคคล ผู้ประกอบการ กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชน รวมทั้งองค์กรที่จัดตั้งขึ้นในรูปแบบใดที่มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนการประกอบอาชีพของเกษตรกรหรือชุมชน ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ ของเกษตรกรหรือชุมชนให้มีประสิทธิภาพทั้งในด้านการลงทุน การผลิต การแปรรูป และการตลาด หรือเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ หรือเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
การที่รัฐบาลอ้างข้อ 3) โดยยกคำว่า “เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ หรือเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทำให้เข้าข่ายตามเงื่อนไขวัตถุประสงค์ของพ.ร.บ. ธ.ก.ส. เพราะฝ่ายกฎหมาย ของกระทรวงการคลังยืนยันมาแล้วว่าทำได้ ไม่จำเป็นต้องส่งเรื่องให้ สนง.คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก่อน เพราะเมื่อเรื่องนี้ถูกนำเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี หน่วยงานต่างๆ รวมทั้ง สนง.คณะกรรมการกฤษฎีกา สภาพัฒน์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย ฯลฯ ก็ต้องเสนอความเห็นมาประกอบอยู่ดี ซึ่งหากถามความเห็นไป จะทำให้เสียเวลาเปล่าๆ เพราะพี่น้องประชาชนรอคอย เมื่อฝ่ายกฎหมายของกระทรวงการคลังยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าทำได้ ไม่ผิด พ.ร.บ. ธ.ก.ส. เราก็ต้องเชื่อตามนั้น”
รองเลขาฯ ไทยสร้างไทย กล่าวว่าคำอ้างดังกล่าวเป็นการให้เหตุผลแบบเอาสีข้างเข้าถู ดูเหมือนเป็นการด้อยค่าหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจกลัวว่าเมื่อถามไปแล้ว ก็จะได้ความเห็นเหมือนเช่นที่ผ่านมา จริงอยู่ที่ไม่จำเป็นต้องฟังความเห็นจากกฤษฎีกาก็ได้ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำลงไป แต่ตนว่ามันไม่คุ้ม ถ้าปล่อยให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติก่อน แล้วท่านถูกลงโทษ
โดยความเป็นจริง ธ.ก.ส. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้การสนับสนุน ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร การที่รัฐบาลจะใช้ช่องทางของ ธ.ก.ส. เป็นตัวผ่านเงิน”แจก” ไปสู่ประชาชน โดยให้ธนาคารหาเงินมาจ่ายไปก่อน หรือกู้ยืมเงินจาก สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคาร แล้วรัฐบาลจะนำมาชำระคืนให้ในภายหลังโดยไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนนั้น เป็นการกระทำที่อาจทำให้ ธ.ก.ส. เข้าสู่ภาวะของความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และเงินกองทุนของธนาคารทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความต้องการใช้เงินทุนมีปริมาณสูงกว่าสภาพคล่องที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก อาจทำให้ธนาคารต้องถูกควบคุมหรือหยุดกิจการได้
ปัจจุบันสภาพคล่อง ธ.ก.ส. ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยมีสินทรัพย์สภาพคล่องที่ปราศจากภาระผูกพัน รวม 287,241 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.70 เกินกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ขั้นต่ำร้อยละ 8.50 แต่หากจะต้องมาแบกรับภาระเงินก้อนโตนี้ ในขณะที่หนี้เก่าจากโครงการรับจำนำข้าวที่ยังคงค้างอยู่อีกกว่า 230,000 ล้าน หรือพิจารณาจากลูกหนี้รอการชดเชย จากรัฐบาล จำนวน 594,207 ล้านบาท ก็จะเป็นปัญหาสะสม ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการมุ่งสู่การเป็นสถาบันการเงินเพื่อพัฒนาชนบทและภาคเกษตรครบวงจร ในทศวรรษที่ 6 ตามที่ธนาคารได้ตั้งความมุ่งหวังไว้
ทั้งนี้เขากล่าวว่าเห็นด้วยกับแถลงการณ์ของสหภาพแรงงานฯ ธ.ก.ส. ที่เห็นควรให้ กฤษฎีกา ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ พิจารณาให้ความเห็นอย่างชัดเจนเสียก่อน ว่า ธ.ก.ส.จะสามารถดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัลให้กับรัฐบาลได้หรือไม่ ถึงวันที่เราจะต้องผนึกกำลัง ร่วมมือกันเพื่อให้ชาติบ้านเมืองของเราหลุดพ้นออกจากวงจร การทุจริตคอรัปชั่น การทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งถือว่าเป็นมะเร็งร้ายของสังคม เพื่อให้ประเทศของเรามีความเจริญรุ่งเรือง พี่น้องคนไทยได้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน