ช่วงเทศกาลสงกรานต์เดินทางกลับปักษ์ใต้ถิ่นเกิด รดน้ำดำหัวบุพการีและญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือพร้อมขอพรจากท่านให้พบเจอสิ่งดี ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไร้อุปสรรคและพรนี้ขอส่งถึงผู้อ่านทุกๆท่าน
ห้วงเวลาเทศกาลปีใหม่ไทย ตั้งใจว่าจะหามุมบวกของรัฐบาลที่บริหารประเทศเกือบจะ 10 เดือนแบบที่ชาวบ้านสัมผัสได้ว่านี่คือผลงานชิ้นโบว์แดง ด้วยการตั้งวงสนทนากับพรรคพวกที่เป็นคอการเมืองหลายวง แต่กลับหาไม่เจอ
โดยแต่ละวงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหายาเสพติดที่ระบาดหนักทุกหย่อมหญ้าแบบเฉียบขาด ครบวงจร โดยมีความเห็นตรงกันว่าให้ยึดแนวรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ก่อนที่จะแยกย้ายวานให้ช่วยสื่อถึงรัฐบาลด้วย
ที่ผ่านมา”จอมมารน้อย”เคยสัญญาว่าจะไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์นโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน อีกจนกว่าจะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เพราะปัญหาที่เคยเสนอแบบเดิมๆที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังตามที่คุยโวว่าเป็นวาระแห่งชาติแต่อย่างใด เมื่อมีเสียงบอกในวงพูดคุยว่าช่วยเป็นกระบอกเสียงสื่อถึงรัฐบาลทีเถอะ แม้จะเป็นปัญหาแบบซ้ำๆแต่นโยบายยังไร้ผล
จึงยอมเสียคำพูดและขอเล่าความจากวงสนทนาว่า การสนทนาของคอการเมืองในปักษ์ใต้น้อยครั้งที่จะมีความเห็นตรงกัน แต่ครั้งนี้เห็นในทำนองเดียวกันว่าการแพร่ระบาดยาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ ระบาดหนักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุครัฐบาลเผด็จการทหารนำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาถึงรัฐบาลปัจจุบัน
ช่วงแรกที่รัฐบาลประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ชาวบ้านที่ลูกหลานตกเป็นทาสยาบ้าต่างยกมือสาธุพร้อมคาดหวังว่าจะสำเร็จแบบยุครัฐบาลทักษิณ แต่พอเวลาผ่านมาเกือบ 10 เดือน การแพร่ระบาดของยาเสพติดมิได้ลดลง แถมกลับออกกฎครอบครอง 5 เม็ด เป็นผู้เสพกลายเป็นช่องว่างให้เกิดพ่อค้ายารายย่อยจำนวนมาก
แม้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะแจกแจงในสภาฯช่วงอภิปรายทั่วไปว่าได้จัดสถานบำบัดไว้ทั่วประเทศ มีจำนวนผู้เข้าบำบัดหลายพันคน ถือว่าเป็นความพยายามที่เดินตามนโยบายที่สัญญาไว้ แต่ชาวบ้านกลับไม่รู้สึกว่ายาเสพติดลดลงแต่อย่างใด
สมาชิกวงสนทนา คนหนึ่งบอกว่ายาเสพติดหาซื้อง่ายเหมือนซื้อของในร้านสะดวกซื้อ พร้อมยกตัวอย่างละแวกบ้านพักย่านผังเมือง 4 ช่วงซอย 6ถึง 10 อ.เมือง ยะลา มีพ่อค้ายารายย่อยหลายราย บางรายอยู่ใกล้บ้านพักตำรวจ บางรายเป็นน้องชายนักการเมืองท้องถิ่น เปิดขายมานานจะหยุดบ้างช่วงที่รัฐบาลหรือตำรวจต้องการสร้างผลงาน และบอกว่ายาบ้าหาซื้อง่ายไม่ต้องถึงปากซอย
อีกคนลูกตกเป็นทาสยาบ้าบอกว่ารัฐบาลเคยประกาศว่าจะให้นักการเมืองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ร่วมด้วยช่วยกันคัดกรองผู้เสพในพื้นที่รับผิดชอบแล้วนำเข้าบำบัด จังหวัดอื่นไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่แต่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวเลย
ขณะที่อดีตครูโรงเรียนวัดบอกว่า น่าห่วงมาก พระ สามเณร นักเรียน และนักศึกษา ตกเป็นทาสยาเสพติดชนิดต่างๆ จำนวนมาก ถ้ารัฐบาลอยากจะจัดการอย่างจริงจังลองเริ่มที่วัด สถานศึกษา ให้นโยบายกับผู้เกี่ยวข้องทั่วประเทศดีเดย์ตรวจปัสสาวะทุกคน เชื่อว่าผลที่ออกมาเหนือความคาดหมายแน่นอน เมื่อรู้ผลว่าใครตกเป็นทาสยา นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดทันที แนวทางนี้รัฐบาล ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องสลัดอาการหน้าบางออกไปปัญหาจะได้รับการแก้ไขแน่นอน
“ระหว่างที่นำผู้เสพเข้าบำบัดรัฐบาลต้องใช้มาตรการเฉียบขาดแบบยุครัฐบาลทักษิณ ปราบปรามผู้ค้าทั้งรายย่อย รายใหญ่ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่มีเอี่ยวแบบถอนรากถอนโคนชนิดที่ไม่มีผู้ค้าคนไหนกล้าที่จะรับยาไปขายเมื่อถูกถอนรากถอนโคน ผู้เสพที่ผ่านการบำบัดออกมาจะไม่เจอกับสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ยาเสพติดหาซื้อยากราคาแพงจะเลิกแบบเด็ดขาดได้”อดีตครูบอกและว่าเป็นเพียงแนวคิดของคนธรรมดาอย่างพวกเราที่สัมผัสถึงความรู้สึกของผู้ปกครองที่ลูกๆตกเป็นทาสยาได้ว่าสมาชิกในครอบครัวตกเป็นทาสยาเพียงคนเดียวเหมือนพากันตกนรกกันหลายครอบครัว เพราะญาติพี่น้องต่างเป็นห่วงไปด้วย
นี่คือเสียงสะท้อนหรือจะบอกว่าเป็นเสียงครวญของชาวบ้านที่เป็นทั้งผู้รับทราบปัญหาและผู้ที่ลูกหลานตกเป็นทาสยา เพื่อสื่อถึงรัฐบาลว่าพวกเขากำลังรอความหวังให้รัฐบาลเดินหน้าจัดกับปัญหายาเสพติดทั้งองคาพยพ แบบเฉียบขาด และถอนรากถอนโคน
ขณะที่บางคนบอกว่าขอให้แก้ปัญหายาเสพติดก่อนที่จะแก้ปัญหาปากท้องก็ยินดี เพราะรายได้ที่รับอยู่ ส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้ลูกหลานไปซื้อยาเสพติดมาเสพ เพื่อลดอาการคลุ้มคลั่งที่จะปะทุจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมในครอบครัว เหมือนที่ตกเป็นข่าวแบบรายวันได้ ถ้าลดรายจ่ายส่วนนี้ได้จะเป็นผลดีต่อครอบครัวอย่างแน่นอน
“จอมมารน้อย”ได้แต่หวังว่าเสียงครวญนี้คงจะสื่อสารถึงรัฐบาลแล้วเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อช่วยถอนทุกข์ให้กับชาวบ้านคงจะดี !!!
