เมื่อผู้นำสีกากียืนกำกับ-สั่งลุย ผลงานสยบอาชญากรออกมารัวๆๆ            

9245

เคยยกวาทะวรรคทองของ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ(อ.ตร.)ที่ว่า”ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้…”ช่วงที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)นั่งรักษาการแทน ผบ.ตร.ใหม่ๆ และทางนายกรัฐมนตรีกำชับ ให้เร่งปราบปรามอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ


               ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รับลูกเดินสายขันน็อต มอบนโยบายให้กับทุกกองบัญชาการ(บช.)เร่งดำเนินการ ปรากฏว่ามีผลจับกุมอย่างต่อเนื่องในทุก บช. พอบ่งชี้ถึงวรรคทองของ พล.ต.อ.เผ่าได้เป็นอย่างดี   เพราะช่วงก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะขยับนั่งหัวขบวนตำรวจเกือบทุก บช.ต่างอยู่ในอาการรักษารูปมวย ขาดการทำงานเชิงรุก


           ผลพวงจากที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ขับเคลื่อนงานอย่างเป็นระบบ กำชับทุกหน่วยงานเร่งไล่ล่าอาชญากรทุกรูปแบบ ผลการจับกุมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาชญากรรมทางไซเบอร์ สามารถจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งใหญ่ได้ในพื้นที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรม หรือจับแก๊งเปิดบัญชีม้าได้ 8 คน ที่ จ.ตรัง


        รวมถึงบุกจับเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่พื้นที่สมุทรปราการ รับแทงทั้งหวยไทย หวยลาว หวยเงิน หวยทอง ภายใต้เพจ บ้านทรัพย์มั่งคั่ง  บ้านทรัพย์มั่งคั่ง 915 และบ้านร่ำรวยเงินทอง ยึดบัตรหวย 19,500 ใบ โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ และของกลางอื่นๆจำนวนมาก ตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียน 13,400,000 บาท มีเครือข่ายทั่วประเทศ 200 คน


      ขณะที่ตำรวจนครบาลแกะรอยจับ 2 โจ๋เจ้าของเพจคลังแสงเด็กรุ่น ยึดปืนไทยประดิษฐ์ 28 กระบอก กระสุนปืน 1,559 นัด อุปกรณ์ประกอบอาวุธปืนจำนวนมาก โดยขยายผลจากจับกุมโจรวัยโจ๋หนองจอก ภายใต้ชื่อ”ทางเดินเสือ”


       ทุกคดีที่ยกมาเมื่อตรวจสอบแบบเชิงลึกพบว่าแต่ละคดีล้วนแต่ก่อเหตุมานานหลายปีแทบทั้งสิ้น เพียงแต่ที่ผ่านมาถูกละเลยอาจจะเป็นเพราะม่านเงินบังตา เพราะนับแต่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นั่งกุมบังเหียนมีเสียงบ่นจากตำรวจไซเบอร์และตำรวจสอบสวนกลางบางหน่วยว่า ช่วงต้นเดือนไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อน ต้องกินอาหารมังสวิรัติไส้แห้งกันทั่วหน้า


       ขณะที่ผลกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศถือว่าบรรลุเป้าหมาย พอที่จะให้ชาวบ้านเกิดอาการอุ่นใจได้ เพราะระยะเวลาช่วงวันที่ 1- 10 เมษายน สามรถจับกุมคดีอาชญากรรมได้จำนวนมาก อาทิ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจับกุมผู้ต้องหาได้ 15,963 คน ยึดยาบ้า 63,204,884 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 5,245,51 กิโลกรัม เฮโรอีน 22,346 กิโลกรัม และยาอี 1,702 เม็ดเป็นต้น


    ความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ จับกุมได้ 705 ราย มูลหนี้ 16,057,617 บาท  ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไป อาทิ การพนัน คนเข้าเมืองผิดกฎหมาย สถานบันเทิง และอาวุธปืน ได้ผู้ต้องหา 51,525 คน ความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ความผิดเกี่ยวกับหลอกลวงออนไลน์ จับกุมได้ 7,176 ราย ผู้ต้องหา 7,129 คน จับกุมเว็บพนันออนไลน์ได้ 654 เว็บไซต์ ได้ผู้ต้องหา 2,875 คน  รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดและเงินหมุนเวียนกว่า 6,000 ล้านบาท รวมถึงการสืบสวนขยายผลการจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ทางออนไลน์ โดยปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 1,600 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้  948 คน


     ที่ยกมาเป็นผลงานเพียงบางส่วนที่แถลงผ่านสื่อมวลชน เพื่อสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ ขณะที่ยังมีคดีอาชญากรรมอื่นๆที่จับกุมได้แต่ไม่ได้แถลงให้ประชาชนทราบอีกจำนวนมาก  


     ขณะเดียวกันสถานการณ์บ่อนการพนันและเว็บพนันออนไลน์ เกือบทุกพื้นที่ไร้การเคลื่อนไหว เนื่องจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กำชับห้ามมีบ่อนการพนันทุกประเภทเมื่อมองถึงบริบทโดยรวมน่าจะประเมินได้ว่าถ้านายกรัฐมนตรีและผู้นำองค์กรตำรวจ จริงจังในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยไม่มีผลประโยชน์เป็นวาระซ่อนเร้น ตำรวจทุกนายพร้อมที่จะสนองตอบอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่แบบต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ อยู่กันในลักษณะไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ผลประโยชน์หรือส่วยถูกเก็บแบบเอิกเกริก สายใครสายมัน ส่งผลให้ตำรวจน้ำดีมีอุดมการณ์บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน อยู่ในอาการเกียร์ว่าง แต่เมื่อระดับบริหารมีความมุ่งมั่นจะทำงาน ไร้ผลประโยชน์ซ่อนเร้น ประชาชนทั่วไปจึงได้เห็นภาพอาชญากรถูกกำจัดอย่างต่อเนื่อง


   หากมองสถานการณ์ ณ เวลานี้ วาทะฉบับเต็มของ พล.ต.อ.เผ่าที่ว่า”ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ในทางที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงานและกฎหมายบ้านเมือง”อธิบายความได้ดีที่สุด


       ที่สำคัญถ้า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษามาตรฐานการบริหารงานได้แบบคงเส้นคงวา ไม่เสียทรงกับผลประโยชน์มหาศาลที่ประดังเข้ามาเย้ายวนใจ ตำแหน่ง เจ้าสำนักปทุมวัน ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน !!!