ที่บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้มีการปล่อยตัว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลังเข้ารับโทษเป็นเวลา 1 ปี ด้วยข้อหาในคดีหมิ่นประมาทที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ฟ้องจากกรณีที่ถูกนายจตุพร กล่าวหาในลักษณะเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่มนปช.เมื่อปี 2552 โดยมีเหล่าแกนนำ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. นางธิดา โตจิราการ ประธานที่ปรึกษา นปช. นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. และมวลชนคนเสื้อแดงที่มีความชื่นชอบ นายจตุพร กว่าร้อยคนมารอต้อนรับและให้กำลังใจ ซึ่งทันทีที่ นายจตุพร เดินออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มวลชนคนเสื้อแดงก็ได้ส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี พร้อมด้วยนปช.จำนวนหนึ่งที่มารอมอบดอกกุหลาบสีแดงด้วยความยินดี
“อนาคตของประเทศเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมหาทางออก และร่วมแก้ปัญหาให้ได้ก่อนตาย อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมถึงการชุมนุมของประชาชน ตั้งแต่ยุค 14 ตุลาคม 2516 หรือยุคพฤษภาคม 2535 หรือ ยุคเคลื่อนไหวการเมืองรอบ 10 ปีที่ผ่านมาพบว่าเมื่อจุดเริ่มต้นเป็นอย่างไร บทสรุปที่ปลายทางย่อมไม่แตกต่างกัน ผมปรารถนาเห็นบ้านเมืองเดินหน้า ตามปณิธานของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระองค์ทรงมีกระแสรับสั่ง ทั้งเรื่องความยุติธรรมและความสามัคคี ผมเชื่อว่าหากเราน้อมนำไปปฏิบัติจะผ่านวิกฤตไปได้” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกระแสพลังดูดทางการเมือง ว่า เริ่มต้นอยู่ที่วิกฤตศรัทธา ก็จะจบลงด้วยความหายนะ ตนไม่ต้องการให้บ้านเมืองจบด้วยเหตุเดิม อย่าทำตามประวัติศาสตร์ให้กลับมาซ้ำรอย ต้องยอมรับความจริงที่ผ่านมาว่ามีการเลือกตั้งและยึดอำนาจสลับกันมาแต่ผู้ที่ตายฝ่ายเดียวคือประชาชน ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ใครจะได้คะแนนเสียงเท่าไหร่ ผลการเลือกตั้งเป็นเรื่องเล็กมาก แต่คือผลพวงจากการสร้างวิกฤตศรัทธาที่สำคัญ
“กงล้อของประวัติศาสตร์ที่เราพบตั้งแต่การต่อสู้ เรียกร้องทางการเมือง ที่พบว่านักการเมือง กับฝ่ายผู้มีอำนาจผลัดเปลี่ยนเข้าครองอำนาจ ขณะที่ประชาชนคือฝ่ายผู้สูญเสีย ดังนั้นเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ย่ำรอยเดิม ทุกฝ่ายในบ้านเมืองต้องร่วมกันคิด และตระหนักถึงแนวทางป้องกัน โดยกลุ่มนปช. เตรียมหารือถึงเรื่องดังกล่าว” นายจตุพร กล่าว
ทั้งนี้ ยังระบุอีกว่า ไม่ว่าผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร หรือผลการยึดอำนาจจะเป็นอย่างไร ประชาชนก็ยังเป็นประชาชนและสำคัญที่สุด เมื่อกงล้อประวัติศาสตร์อธิบายเช่นนั้นเราก็ไม่ควรย่ำรอยเดิมเราควรหาสิ่งที่ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวในปัจจุบันไม่ใช่ว่าใครจะได้เสียงเท่าไหร่ แต่ยิ่งสร้างวิกฤติศรัทธาก็จะยิ่งเป็นสาเหตุให้บ้านเมืองกลับสู่หายนะ และความน่ากลัวไม่ได้อยู่บนความพ่ายแพ้ของการเลือกตั้ง เพราะถือเป็นเรื่องเล็ก แต่ที่ใหญ่ที่สุดก็คือผลพวงของการสร้างภาพปรากฏการณ์วิกฤตศรัทธาที่จะเป็นสาระสำคัญ
นายจตุพร กล่าวถึงการได้พบปะกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตพระพุทธอิสระ แกนนำกลุ่ม กปปส. ในช่วงที่ยังรับโทษอยู่ในคุกร่วมกัน ว่า การเข้ามาอยู่ในคุกก็เหมือนสุสานของคนเป็น ถ้าทุกคนพกความคับแค้นมาก็ไม่มีวันที่จะอยู่ในคุกได้ ในนั้นคือสถานที่อโหสิกรรมให้กัน
ทั้งนี้ นายจตุพร ได้กล่าวขอบคุณเหล่าบรรดามวลชน และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ รวมถึงเพื่อนๆที่อยู่ในเรือนจำที่ให้การดูแลมาอย่างดีตลอดที่ถูกคุมขัง และได้เล่าเรื่องราวภายในเรือนจำที่เจอคู่ปรับทางการเมืองอย่างอดีตพระพุทธอิสระ แต่ก็ต้องปล่อยวางกันไป โดยในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.) บรรดาแกนนำ นปช.จะไปรวมตัวกันที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว เพื่อปรึกษาหาหรือกำหนดแนวทางเคลื่อนไหวของ นปช. กันต่อไป ซึ่ง นายจตุพร ก็จะไปร่วมด้วย นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถาม นายจตุพร ว่าอยากทำอะไรเป็นสิ่งแรก นายจตุพร ได้ตอบแบบติดตลกว่า อยากรีบออกให้พ้นจากคุก ก่อนจะขึ้นรถตู้เดินทางออกไป