“ผบช.ภ.8”เร่งขานรับ นโยบาย สร.1 ระดมปูพรม รวบบริษัทเป็นนอมินี ให้ต่างชาติ 5 จุด เจอข้อหาประกอบธุรกิจและอาชีพของคนต่างด้าวที่ละเมิดกฎหมายพบเงินหมุนเวียนเกือบ 100 ล้าน
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2567(เวลา 07.00 น) ในพื้นที่ ภ.จว.ภูเก็ต พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ ฯพณฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตร. ให้เร่งรัด พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ควบคุมกำกับดูแลให้ เกี่ยวกับบริษัท นอมินีให้กับชาวต่างชาติทำธุระกิจ ผิดกฏหมาย ตนจึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ตั้งชุดปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดของคนต่างด้าว เป็นต้นมา โดย พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน บก.สส.ภ.8 จัดกำลังสนับสนุนในการปฏิบัติ
(1) เมื่อชาวต่างชาติเข้ามาในราชอาณาจักร เปลี่ยนสถานะจากนักท่องเที่ยวเป็นผู้ประกอบธุรกิจและประกอบอาชีพ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายบัญญัติไว้ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551
(2) ชาวต่างชาติที่ถือหุ้น อันเป็นทุนจดทะเบียนของนิติบุคคล ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย ทำให้ทุนต่างชาติจำนวนมากอำพรางตนเข้ามาประกอบธุรกิจในฐานะนิติบุคคลไทย ด้วยการถือหุ้นทางอ้อม อย่างผิดกฎหมาย ด้วยการถือหุ้นผ่านบุคคลหรือนิติบุคคลไทย (nominee)
(3) พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 บัญชีท้าย พ.ร.บ.ดังกล่าว ห้ามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศ ธุรกิจที่มีผลกระทบต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี หัตถกรรมพื้นบ้าน หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และด้วยเหตุผลพิเศษ
(4) การตรวจสอบยังพบว่าชาวต่างชาติ ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างๆ เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการเป็นผ่าฝืน พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ที่บัญญัติ การซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน สินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับอนุญาตจาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพราะจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน ระบบเศรษฐกิจของประเทศ และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง
(5) ต้องป้องกันไม่ให้มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจนไปใช้ประโยชน์หรือกระทำการหลอกลวงประชาชนหรือประกอบอาชญากรรม ผู้กระทำต้องขออนุญาตต่อ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นกลไกการดูแลรักษาเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจ เพื่อกำกับดูแลการระดมทุนต่อประชาชนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัล
จากการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานทั้งชาวไทยและต่างประเทศร่วมกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่าง พ.ศ.2542 ด้วยการถือหุ้นทางอ้อม อย่างผิดกฎหมาย ด้วยการถือหุ้นผ่านบุคคลหรือนิติบุคคลไทย (nominee) ประกอบ พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 นำไปสู่การขอออกหมายตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาในวันนี้
วันนี้ ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พล.ต.ต.นภันวุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ประชุมชี้แจง 6 ชุดปฏิบัติการ บูรณาการกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง, พานิชย์จังหวัดภูเก็ต, หน่วยงาน ตร.ทท. และ ตม.ภูเก็ต เพื่อเข้าตรวจค้น จำนวน 5 เป้าหมาย เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ทรัพย์ของกลาง และพบพยานหลักฐานอื่นอันนำไปสู่การสอบสวนขยายผล
กรณี บุคคลที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต และการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว(nominee) เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย
จากการสืบสวนบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยลักลอบประกอบอาชีพ หรือประกอบธุรกิจอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย พบพยานหลักฐานและข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ร้านอาหาร OCTOPUS เป็นที่นัดรวมชาวต่างชาติเป็นประจำ มีการกระทำอันฝ่าฝืนกฎหมาย โดยกลุ่มบุคคลด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักร ดำเนินการประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยมีคนไทยให้การช่วยเหลือ สนับสนุน ทำการจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งบริษัทฯ กระทำการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนของคนต่างด้าว หรือที่เรียกว่า “nominee”
ในคดีนี้ บริษัทดังกล่าวมีผู้ต้องหาประกอบธุรกิจเกี่ยวกับจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มใช้ชื่อร้านว่า “OCTOPUS” ตั้งอยู่ ถนนบ้านดอน-เชิงทะเล ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง โดยน.ส. ปุณยนุช สัญชาติไทย ผู้ต้องหา และนายวาลาดิสลาฟ ชินาคอฟ (VLADILAV ZINAKOV) สัญชาติรัสเชีย ผู้ต้องหา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ มีผู้ถือหุ้น ดังนี้
(1) น.ส.ปุณยนุช ผู้ต้องหาที่ 2 จำนวนหุ้นที่ถือ 20,400 หุ้น, คิดเป็น 51%
(2) นายวาลาดิสลาฟ ผู้ต้องหาที่ 3 จำนวนหุ้นที่ถือ 9,800 หุ้น คิดเป็น 24.5%
(3)นายวาเลรี ผู้ต้องหาที่ 4 จำนวนหุ้นที่ถือ 9,800 หุ้น คิดเป็น 24.5%
(4)นายพาเวล (PAVEL SHAPOVALOV) ผู้ต้องหาที่ 5 ทำหน้าที่ในการบริหาร ดูแลทางด้านการเงิน และมีอำนาจตัดสินใจแทนผู้ต้องหาที่ 3
นายวาลาดิสลาฟ ชินาคอฟ (VLADILAV ZINAKOV) ผู้ต้องหาที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน OCTOPUS ที่แท้จริง พยานหลักฐานเชื่อมโยง ยังปรากฎ นางสาวปุณยนุช ทองกอบ ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและหุ้นส่วนใหญ่ เป็นเพียง nominee ของกลุ่มทุนต่างชาติ มิได้มีอำนาจในบริษัทฯแต่อย่างใด พยานหลักฐานด้านการเงินแสดงให้เห็นว่า บัญชีเงินฝากจากสถาบันการเดินของทางร้าน OCTOPUS โอนต่อไปบัญชีเงินฝาก นายวาลาดิลาฟ ชินาคอฟ ผู้ต้องหาที่ 3 ชี้ให้เห็นว่าผู้ต้องหาที่ 3 คือ เจ้าของร้านและเป็นเจ้าของ บริษัท วีวีจี อะไลอันซ์ จำกัด อย่างแท้จริง มีเงินหมุนเวียนจำนวน 80 ล้านบาท
หลังการตรวจค้นทั้ง 5 จุด ยังพบทรัพย์ของกลาง พยานเอกสารของกลาง ที่ต้องพิจารณาเพื่อขยายผลในการสืบสวนสอบสวนต่อไป เชื่อว่ายังไปเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นจำนวนหนึ่ง ตำรวจภูธรภาค 8, กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน เกี่ยวกับบริษัทต่างๆ ซึ่งจดทะเบียนบริษัท แล้วประกอบธุรกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหรือในราชอาณาจักรฯ ให้หยุดการกระทำในลักษณะดังกล่าว “ผบช.ภ.8 กล่าว