ที่ศูนย์ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รอง ผบช.ส., พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ และคณะได้ลงพื้นที่ ภ.9 เพื่อตรวจติดตามความคืบหน้าของการดําเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่
คดีที่ 1 จากกรณีเหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.61 เวลา 00.55 น. มีคนร้ายไม่ทราบจํานวน ใช้อาวุธปืนยิงประชาชน ที่บ้านเลขที่ 228 ม.4 ต.ตาเนาะปูเตาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จํานวน 5 คน คดีนี้ พนักงานสอบสวน สภ.บันนังสตา ได้รับคําร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 88/2561 ลงวันที่ 11 มิ.ย.61 และได้รายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชา ตามลําดับชั้นทราบ
โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สั่งการให้เร่งรัดการสืบสวน ติดตาม จับกุมคนร้ายมาดําเนินคดีโดยเร็ว ต่อมา เจ้าหน้าที่ตํารวจได้อาศัยอํานาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2547 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ติดตามและเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาควบคุมตัวไว้เพื่อซักถามปากคําที่ ศพส.ศปก.ตร.สน. ดังนี้
1. นายซูการี
2. นายมัสสัน
3. นายแวอาแซ
4. นายสาแปอิง
5. นายอับดุลเล๊าะ มะสาเมาะมูเซะ
ซึ่งผลการซักถามเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พนักงานสอบสวนจึงได้สืบสวน สอบสวน รวบรวม พยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่ามีผู้กระทําความผิด และได้ยื่นคําร้องขออนุมัติศาลจังหวัดยะลา ออกหมายจับ โดยศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหา ดังนี้ 1. นายนอร์ดิน หะยีอาซา
2. นายฮำดี มูเซะ
3. นายสาแปอิง สะเตาะ
4. นายอับดุลเล๊าะ มะสาเมาะ
5. นายตุรมีซี มะลาเฮง
6. นายอาหะมะ บือแน
7. นายอุสมาน หะมิดง
8. นายมัสสัน เจะดือเระ
9. นายแวอาแซ แวยูโซะ
10. นายซูกรี มูเซะ
รวม จํานวน 10 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็น
ซ่องโจรร่วมกันมีอาวุธฯและเครื่องกระสุน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้โดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้านโดยผิดกฎหมาย”
คดีที่ 2 ภ.จว.นราธิวาส ด้วยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.61 เวลากลางวัน มีคนร้ายไม่ ทราบจํานวน ใช้เอาวุธปืนยิงประชาชนที่เข้าไป ร้อนทองบริเวณป้าสวนยางพาราริมแม่น้ําสายบุรี ม.5 ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จํานวน 4 คน คดีนี้ พนักงานสอบสวน สภ.สุคิริน ได้รับคําร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 142/2561 ลงวันที่ 7 มิ.ย.61 ต3อมา เจ้าหน้าที่ทหารได้อาศัยอํานาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2547 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ติดตามและเชิญตัวผู้ต้องสงสัย คือ
1. นายอัมรีเจาะฮะ อายุ37ปี อยู่บ้านเลขที่ 240ม.7ต.ช่างเผือก อ.จะแนะจ.นราธิวาส
2. นายฮามิเจะเงาะ อายุ28ปี อยู่บ้านเลขที่ 236/9ม.7ต.ช้างเผือก อ.จะแนะจ.นราธิวาส
มาควบคุมตัวไว้เพื่อซักถามปากคํา ซึ่งผลการซักถามเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พนักงานสอบสวนจึงได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่ามีผู้กระทําความผิด และได้ยื่นคําร้องขออนุมัติศาลจังหวัด นราธิวาสออกหมายจับ โดยศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 6 คน ดังนี้ 1. นานอัมรีเจ๊ะมะ 2. นายฮามิเจะเงาะ 3. นายยะยาเปาะแต 4. นายอัลฮาบีบ เจ๊ะตู 5. นายอาหะมะดาโอ๊ะ 6. นายแวราอง เจ๊ะอูมา ในความผิดฐาน “ร่วมกันก่อการร้ายโดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือกระทําด้วยประการใด ๆ อันตรายก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต, สะสมกําลังพลหรืออาวุธ หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือสนับสนุนการก่อการร้าย, อั้งยี่, ซ่องโจร, ฆ่าผูเอื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออก ใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, พาอาวุธ(ปืน) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดย ไม่ได้รับอนุญาตฯ
คดีที่ 3 เหตุเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.61 เวลากลางวัน ขณะเจ้าหน้าที่ตํารวจทางหลวง กก.7 บก.ทล. ได้ตั้งจุด ตรวจจุดสกัด บริเวณ ถ.ตากใบ-สุไหงโก-ลก ม.5 ต.พร้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้ตรวจค้นรถกระบะ ยี่ห้อ อีซุซุ หมายเลขทะเบียน บท 2788 ปัตตานี ซึ่งมีนายซานูซี ยาแต อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1 ม.10 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เป็นคนขับ และมีนายอับดุลอาซิ สามะ โดยสารมาด้วย ผลการตรวจค้นพบ ลูกระเบิดแสวงเครอื่ ง แบบขว้าง 41 ลูก, อุปกรณ์วงจรระเบิด 39 ชุด และเครื่องวิทยุสื่อสาร 3 เครื่อง ซึ่งระหว่างตรวจค้น นายอับดุลอาซิ ผู้โดยสาร ได้วิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตํารวจทางหลวงจึงได้ยึดของกลางนําส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตากใบ ส่วนตัวนาย ซานูซี เจ้าหน้าที่ทหารได้อาศัยอํานาจ ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2547 ควบคุมตัวไว้เพื่อซักถามปากคํา โดยคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้ รับคําร้องทุกข์ ไว้ตามคดีอาญาที่ 259/2561 ลงวันที่ 21 มิ.ย.61 ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้นําตัว นายซานูซี มามอบให้พนักงานสอบสวน จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันก่อการร้ายฯ” และสอบสวนปากคํา พร้อมส่งตัวฝาก ขังต่อศาลจังหวัดนราธิวาสเป็น ที่เรียบร้อยแล้ว จากการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่ามีผู้ร่วมกระทํา ความผิดเพิ่มเติม จึงได้ยื่นคําร้องขออนุมัติศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับ โดยศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 6 คน ดังนี้
1. นายอับดุลอาซิ สามะ
2. นายอับดุลรอฮิม มูแย
3. นายอับ ดุลมานะอูเซ็ง
4. นายซาฮารีปลูแว
5. นายเตาฟะโต๊ะเลาะ
6. นายอํารันมิง
ในความผิดฐาน “ร่วมกันสนับสนุนหรือสมคบกันเพื่อก่อการร้าย หรือกระทําความผิดใด ๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทําการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้, อั้งยี่ซ่องโจร, นําเข้ามา ทํา มี ใช้ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, มีเครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตํารวจได้นําตัวผู้ต้องหา จํานวน 7 คน ประกอบด้วย ผู้ต้องหาของ ภ.จว.ยะลา คือ นายซูกรี, นายมัสสัน, นายแวอาแซ, นายสาแปอิง, นายอับดุลเลnาะ รวม 5 คน และผู้ต้องหาของ ภ.จว.นราธิวาสคือนายอัมรีและนายฮามิรวม 2 คนมาส่งมอบให้ พนักงานสอบสวน พล.ต.อ.ศรีวราห์,พล.ต.ท.มนู พร้อมคณะ และ พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท, พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รอง ผบช.ภ.9, พ.อ.กิตติ์พิพัฒน์ บุณยฤทธิ์ รอง ผบ.ฉก.ยะลา, นายเจษฎา จิตรัตน์ รองผู้ว่าราชการ จ.ยะลา, พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.ยะลา, พล.ต.ต.มนัส ศิกษมัต ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้ร่วมกันรับมอบตัวผู้ต้องหา พร้อมทั้งร่วมทำการสอบสวน และจัดให้เพื่อพยานเข้าทําการชี้ตัวผู้ต้องหา โดยจัดให้มี ร.ต.ท.หญิง จุฑามาส เกียรตินฤมล แพทย์ จาก รพ.ยะลาสิริรัตนรักษ์ ตรวจร่างกายผู้ต้องหา และมี นายสุทธิ ชูเลิศ, นายเดชศักดิ์ พิมพ์เสนศรี ทนายจากสภาทนายความประจํา จ.ยะลา พร้อม นายราเชษฐ์ ใบระหมาน ตัวแทน โต๊ะอิหม่าม จากมัสยิดแมะตือเมาะ ร่วมฟังการสอบสวน ได้แสดงหมายจับและแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบ โดยผู้ต้องหาทั้ง 7 รายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าหา และได้ส่ง ตัวให้พนักงานสอบสวนดําเนินคดีต่อไป
มีรายงานว่า จากการสอบสวนผู้ต้องทั้งหมดในวันนี้ พบว่าผู้ต้องหาบางรายให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ก่อเหตุ เพราะเกิดความขัดแย้งเรื่อง ขบวนการยาเสพติด และเรื่องส่วนตัว ในพื้นที่ และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พบว่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ นั้นเป็นอาวุธปืนที่เคยใช้ก่อเหตุในพื้น 3 จังหวัดชายแดน มาหลายคดี
