นายกฯ เ ชูโครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ ขอบคุณทุกหน่วยงานในความร่วมมือพัฒนากีฬาไทย ย้ำดูแลวงการกีฬาเต็มความสามารถ ตราบใดยังอยู่ทำเนียบจะไม่ให้ขาดงบ
วันที่ 29 มี.ค. 67 เวลา 10.00 น. ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน โดยมีนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้แทนสมาคมกีฬา ผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนที่ร่วมสนับสนุนสมาคมกีฬาครั้งนี้เข้าร่วมด้วย
นายกฯ กล่าวว่า โครงการ 1 รัฐวิสาหกิจ 1 กีฬา เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลนี้ให้การสนับสนุนในการขับเคลื่อน ส่วนตัวชื่นชอบ รวมถึงให้ความสำคัญกับกีฬาอย่างมาก เข้าใจถึงหัวใจของคนรักกีฬา โดยชื่นชมคณะทำงานที่มีนายพิมล ศรีวิกรณ์ ที่ปรึกษา นรม. และประธานอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน นายกองเอก ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์และกลั่นกรองการสนับสนุนสมาคมกีฬา ที่ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาสมาคมกีฬาให้มีผลงานดีเลิศ
นายเศรษฐา กล่าวถึงการได้ไปชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม C นัดที่ 4 ที่ทีมชาติไทยพบกับทีมชาติเกาหลีใต้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา ว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนมาชมกันจำนวนมาก ต้องชื่นชมนางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่บริหารจัดการทำให้หัวใจคนไทยพองโต เรายังมีสิทธิที่จะเข้ารอบ แม้จะแพ้ 3-0 แต่สิ่งสำคัญคือเสียงเชียร์ที่กระหึ่ม และรอยยิ้มบนใบหน้าของคนไทย ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่ง ซึ่งอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับทุกวงการกีฬาเช่นกัน
ทั้งนี้การแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ณ ประเทศฝรั่งเศส กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ การที่สมาคมกีฬาต่าง ๆ ได้รับการอุดหนุนจากรัฐวิสาหกิจและเอกชน จะทำให้อย่างน้อยในขณะนี้เราสามารถวางแผนได้ จึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานจากใจจริงในความร่วมมือกันสนับสนุนด้านกีฬา
นายกฯ กล่าวว่าได้รับทราบจากผู้ที่อยู่ในวงการด้านกีฬาว่างบฯ ที่ได้รับการสนับสนุนลดน้อยลงไปทุก ๆ ปี แต่ตราบใดที่ตนยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่จะไม่ให้วงการกีฬาต้องขาดงบฯ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยจะดูแลวงการกีฬาอย่างเต็มความสามารถ อย่างไรก็ตามความสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องเงินอัดฉีดและงบประมาณอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรื่องของนโยบายก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการเป็นนักกีฬามีช่วงอายุที่จำกัด ซึ่งสิ่งที่นักกีฬาทุกคนมีความกังวลคือเรื่องของอนาคต ดังนั้นเราต้องดูแลบุคลากรที่ทำชื่อเสียงมาให้แก่ประเทศชาติ ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
ขณะเดียวกันภาคเอกชนได้มีการช่วยกันอย่างมากในเรื่องการจ้างผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสให้มาทำงานด้วยในตำแหน่งหน้าที่ที่เหมาะสม ในส่วนของหน่วยงานรัฐสามารถที่จะทำให้ได้ดีกว่านี้ เพื่อให้นักกีฬามีความสบายใจในฐานะเป็นตัวแทนประเทศว่า เมื่อหมดหน้าที่การเป็นนักกีฬาแล้วยังสามารถมีการงานที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี จึงต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวง ทบวงกรมทั้งหลายที่ต้องมาพิจารณาจ้างบุคลคลเหล่านี้เข้ามาทำงานด้วย
นายเศรษฐากล่าวขอบคุณคณะทำงานทุกคนที่ทำงานด้วยความชัดเจน โปร่งใส ทำงานด้วยใจรักอย่างแท้จริง ส่งผลให้สามารถเพิ่มทั้งจำนวนสมาคมและจำนวนเงินเข้ามาสนับสนุนจากรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนต่าง ๆ ทั้งนี้นอกจากเรื่องเงินสนับสนุนแล้วเชื่อว่าทุกคนยังสามารถช่วยวงการกีฬาในด้านอื่นได้ด้วย ถ้ามีการใส่ใจ ใส่นโยบายเพิ่มเติมเข้าไป และหลายคนที่อยู่ที่นี้ก็เป็นผู้ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเรื่องของกีฬาเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันดูแลเยาวชนและเด็กที่ต้องพัฒนาต่อไป