เว็บพนัน-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ”กระทรวงดีอี“อย่าลอยตัวต้องชูธงนำทัพลุยปราบ  บช.สอท.ต้องเร่งสปีดขานรับ นโยบาย สร.1 อย่าโยนภาระให้โรงพัก                       

523

ศึก 2 บิ๊กสีกากีส่อเค้าบานเหมือนไฟลามทุ่ง เพราะต่างส่งลิ่วล้อออกแฉข้อมูลเส้นทางเงินแบบเปิดหน้าชก งัดสารพัดวิชามารห่ำหั่นกันแบบผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ ชาวบ้านส่งเสียเชียร์กระหึ่มเพราะหวังจะได้เห็นธาตุแท้ของบิ๊กตำรวจบางนาย ว่าทำงานเพื่อชาติและประชาชนหรือทำเพื่อสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองและเครือข่ายผลจะลงเอยแบบไหนชาวบ้านต่างคอยลุ้นว่าคนไหนจะคอตกเข้าคุก คนไหนลอยนวลหรือจะกอดคอกันนอนคุก ต้องติดตาม

        ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) รักษาราชแทนผบ.ตร.ประกาศว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง ขอก้มหน้าก้มตาทำงานตามนโยบายรัฐบาล บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน ซึ่งในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ฝากการบ้านให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เร่งปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และอบายมุขทุกชนิด ในส่วนของอบายมุขไม่ว่าจะเป็นบ่อนการพนัน สถานบันเทิงผิดกฎหมาย และอบายมุขในรูปแบบต่างๆ หากจะปราบปรามกันจริงๆไม่เกินความสามารถของตำรวจโรงพักเลย เพียงแต่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค(ผบช.ภ.)1-9 และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.)และผู้บังคับการตำรวจนครบาล(ผบก.น.)1-9 เอาจริงกำชับให้หัวหน้าโรงพักทุกโรงพักเอาใจใส่เข้มงวดอย่างจริงจัง อบายมุขจะลดลงแบบทันตาเห็น แต่ที่อบายมุขเต็มบ้านเต็มเมืองเพราะถูกปล่อยปละละเลยมานาน อาจเป็นเพราะ ผบช. ผบก.หรือหัวหน้าโรงพัก บางนายต้องการที่จะถอนทุนหรือหาทุนต่อเพื่อนำไปเป็นใบเบิกทางก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือไว้ป้องกันตำแหน่งเมื่อถึงฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้าย

    สำหรับวิธีป้องกันไม่ให้อบายมุขเกิดในท้องที่คงไม่ต้องแนะนำเพราะกลายเป็นสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำหรือสอนหนังสือสังฆราชไป แต่ที่อยากให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ลุยปราบปรามให้หนักคือเว็บพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเป็นเสมือนมะเร็งร้ายทำร้ายชาวบ้านอย่างแสนสาหัส อย่างกรณีเว็บพนันออนไลน์มีการเปิดแทงอย่างแพร่หลายทางสื่อออนไลน์ นักเรียน นักศึกษาเข้าถึงได้ง่าย มีเงินแค่ 100 บาท สามารถแทงพนันออนไลน์ได้แล้ว กลายเป็นแหล่งสร้างประโยชน์ให้กับเจ้าของเว็บพนันอย่างมหาศาลและผลประโยชน์นี้กระจายไปถึงกลุ่มมีสีทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและนักการเมือง หลักฐานที่ชัดเจนว่าผลประโยชน์มากแค่ไหน ความขัดแย้งระหว่างบิ๊กตำรวจน่าจะเป็นตัวอย่างได้อย่างชัดเจน

        ขณะที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาดอย่างหนักคนไทยทุกระดับต่างตกเป็นเหยื่อสูญเสียเงินไปปีละหลายหมื่นล้าน ล่าสุดมีแอปหนึ่งรายงานว่าคนไทยได้รับข้อความและการโทรฉ้อโกงเยอะที่สุดในเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพของรัฐในการป้องกันและปราบปราม

      ดังนั้นเพื่อจัดการกับแก๊งพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในภาพรวมกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี)ต้องชูธงนำสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามทุกงานเร่งขานรับนโยบาย นายกฯเศรษฐา และในส่วนของตำรวจ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.)ต้องเป็นแกนหลัก แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนว่า บช.สอท.กลายเป็นแหล่งที่ตำรวจนอกแถวบางกลุ่มใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ ถึงขั้นกล่าวหาว่ามีห้องสำหรับรอรับส่วย

      ที่สำคัญขาดการทำงานเชิงรุกเพราะมีเสียงบ่นจากเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ไปแจ้งความจะถูกบอกปัดให้ไปแจ้งความโรงพักที่เหยื่ออาศัยอยู่ก่อน แทนที่จะรับแจ้งความรับคดีสอบปากคำเหยื่อหาเบะแสแล้วเริ่มสืบสวนในทันทีเพราะมีเครื่องมือพร้อม แต่กลับโยนภาระให้โรงพักซึ่งมีงานล้นมืออยู่แล้ว

      ดังนั้นถ้า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ อยากสร้างผลงานทั้งในส่วนของปราบปรามอบายมุข เว็บพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างความอบอุ่นใจให้ชาวบ้าน
ด้านป้องกันและปราบปรามอบายมุขกำชับให้บก.และโรงพัก ดำเนินการเพราะสามารถทำได้อยู่แล้ว
    

     ส่วนเว็บพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ บช.สอท.เปิดรับคดี โดยให้เหยื่อแจ้งความที่ บช.สอท. ได้ทันที โดยอำนวยความสะดวกแจ้งผ่านอออนไลน์หรือไปแจ้งความตามที่ บช.สอท.กำหนด หรือเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านให้โรงพักจัดกำลังส่วนหนึ่งไว้รับแจ้งความแล้วประสานกับ บช.สอท.ทันที หรือบช.สอท.จัดกำลังไปประจำโรงพักที่มีคดีเกี่ยวกับเว็บพนันฯและแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกิดบ่อย น่าช่วยแก้ปัญหาได้ทันทีและน่าจะเห็นผลมากกว่าที่ผ่านมา

หากทำได้จริงเชื่อว่าครหาที่ว่าตั้งบช.สอท.เพียงเพื่อให้นายตำรวจบางกลุ่มไว้แสวงหาผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อและเครือข่ายคงจางหายไปอย่างแน่นอน แล้วจะเกิดภาพบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนแบบทันใจมาแทน !!!