กรมประมงผนึกกำลังชาวประมง…คืนแม่ปูไข่นอกกระดองสู่ท้องทะเล เผยปริมาณการปล่อยปูไข่นอกกระดอง สูงถึง 58,478 ตัว ไข่ปูที่ปล่อยสู่ธรรมชาติกว่า 5 หมื่นล้านฟอง!!!
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ปูที่ได้จากการทำประมงทะเล เช่น ปูม้า ปูลาย ปูดาว ปูจั๊กจั่น ปูทะเล เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ด้วยรสชาติที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงทำให้มีความต้องการสูง และจากการที่กรมประมงได้ดำเนินกิจกรรม “คืนชีวิตสู่ทะเล ปล่อยปูไข่ นอกกระดองคืนธรรมชาติ” ร่วมกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมกลุ่มประมงท้องถิ่น พี่น้องชาวประมงและผู้ประกอบการด้านการประมง ตั้งแต่เดือนพ.ย. 62 จนถึงปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกปรับวิธีคิดเปลี่ยนพฤติกรรมของชาวประมงให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรและเพิ่มปริมาณปูในธรรมชาติ ซึ่งผลปรากฏว่า มีชาวประมงที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว 3,350 ราย โดยมีรายงานการปล่อยปูไข่นอกกระดองลงสู่ทะเลจากชาวประมงแล้วทั้งสิ้น 58,478 ตัว แบ่งเป็นฝั่งอ่าวไทย 37,718 ตัว และฝั่งอันดามัน 20,760 ตัว โดยเฉพาะเรือประมงพาณิชย์ในพื้นที่จ.สมุทรสาคร ปล่อยปูไข่นอกกระดองมากที่สุด ถึง 17,818 ตัว ซึ่งการปล่อยปูไข่นอกกระดองที่จับได้จากเครื่องมืออวนลากคานถ่างมากที่สุดถึง 20,092 ตัว และส่วนใหญ่ปูไข่นอกกระดองที่ปล่อยลงสู่ทะเล จะเป็นปูม้าประมาณ 90% ของปูไข่นอกกระดองที่จับได้
นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไปสามารถพบปูม้าไข่นอกกระดองได้เกือบตลอดทั้งปีในทุกพื้นที่ และที่บริเวณอ่าวไทยตอนในจะพบปูม้าไข่นอกกระดองมาก ระหว่าง ก.พ.-พ.ค.และเดือนพ.ย.-ธ.ค. ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะพบปูม้าไข่นอกกระดองมากระหว่างเดือนม.ค.-ก.ค. ขณะที่บริเวณอ่าวไทย ฝั่งตะวันออก และฝั่งทะเลอันดามัน พบปูม้าไข่นอกกระดองได้ทุกเดือน แต่พบไม่มาก ทั้งนี้แม่ปูม้าจะมีความดกไข่ต่ำสุดประมาณ 229,538 ฟอง สูงสุดประมาณ 2,859,061 ฟอง และมีจำนวนไข่เฉลี่ย 998,292 ฟอง ซึ่งไข่นอกกระดองจะเป็นไข่ที่ปล่อยออกมาและยึดเกาะอยู่กับจับปิ้งเป็นเวลาประมาณ 9 – 11 วัน จากนั้นแม่ปูจะใช้ขาเขี่ยไข่ที่พร้อมฟักเป็นตัวให้หลุดจากจับปิ้ง เพื่อให้ลูกปูวัยอ่อนล่องลอยไปในทะเล หากนำปูที่มีไข่นอกกระดอง มารับประทานเท่ากับว่าลูกปูจำนวนนี้จะหายไปและหมดโอกาสเติบโตเป็นพ่อแม่พันธุ์ในอนาคต ดังนั้น การปล่อยปูไข่นอกกระดองที่ชาวประมงจับได้ลงสู่ทะเล จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ปูที่มีไข่นอกกระดอง สามารถเขี่ยไข่ฟักเป็นลูกปูวัยอ่อนเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสแพร่ขยายพันธุ์และเจริญเติบโตเข้าสู่วงจรชีวิตตามธรรมชาติต่อไป
“ขอขอบคุณสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมกลุ่มประมงท้องถิ่นพี่น้องชาวประมง และผู้ประกอบการด้านการประมงทุกภาคส่วน ที่เห็นคุณค่าของทรัพยากรปู ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีค่าต่อชาวประมง โดยได้ร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนกิจกรรมนี้มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กรอบการบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่า การจัดกิจกรรมนี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์ และช่วยคืนความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรปูในธรรมชาติ สามารถเพิ่มรายได้และสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพแก่พี่น้องชาวประมงให้ยั่งยืนต่อไป”นายบัญชา กล่าว
