คำสั่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เปรียบเสมือนสายฝนช่วยดับความร้อนแรงในอาณาจักรโล่เงิน
เพราะเป็นคู่ขัดแย้งที่ประดาบกันตลอดมา และเพื่อความกระจ่างว่าใครผิดใครถูก นายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ 3 คน สอบสวนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ผลเป็นอย่างไรขาเชียร์ทั้งสองฝ่ายต้องติดตามว่าใครจะคืนรังหรือนั่งยาวที่ทำเนียนรัฐบาลทั้งคู่
แต่ไม่ให้องค์กรไร้หัวเพราะงานต้องขับเคลื่อนต่อ นายเศรษฐา จึงเซ็นคำสั่งตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผบ.ตร.ในดวงใจที่เคยคิดเสนอชื่อเป็นผบ.ตร.นั่งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.
ถือเป็นโอกาสทองของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะได้โชว์ศักยภาพในการบริหารเพื่อกรุยทางสู่บัลลังก์พิทักษ์ 1 แบบสง่างาม ต่อจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์
หากมองเนื้องานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีหลากหลาย บางงานต้องใช้เวลาสะสาง บางงานใช้เวลาไม่นานจะเห็นผลถ้า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เอาจริงยืนกำกับด้วยตัวเอง อย่างงานป้องกันและปราบยาเสพติด เสมือนมะเร็งร้ายที่กัดกินลงลึกถึงสถาบันครอบครัว
ซึ่งสามารถสะสางได้ไม่ยากเพราะมีบุคลากรและเครื่องมือพร้อมอยู่แล้ว หากทำจริงจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนน่าจะเห็นผล ที่กล้าฟันธงแบบนี้เพราะ”ประดู่แดง”เห็นผลปฏิบัติของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4)มาแล้ว
โดย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4)เปิดปฏิบัติการไล่ล่านักค้ายาอีสานเหนือ 252 สภ. ปูพรหมจับกุมนักค้ายาเสพติดรายย่อยทั่วภาคอีสานตอนบน ดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 14 มีนาคม สามารถจับกุมผู้ต้องได้ 309 ราย ยึดยาบ้า 1,418,412 ล้านเม็ด อายัดทรัพย์ 1,318 รายการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 171,605,208 บาท
พล.ต.ท.สรายุทธ บอกว่าแผนปฏิบัติไล่ล่าได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ระดมกำลังตำรวจในพื้นที่ ประสานการทำงานกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 4 สามารถจัดการกับผู้ค้ารายย่อยได้จำนวนมาก อาทิพื้นที่ นครพนม ปิดล้อมพื้นที่ อ.นาหว้า จับกุมผู้ต้องหาได้ 8 คนยึดยาบ้า 2,115 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์สินบ้าน รถยนต์และที่ดิน มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
“ทาง บช.ภ.4 จะเดินหน้าตามแผนปฏิบัติการไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง สืบสวนจับกุมไม่ให้ผู้ค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยมีที่ยืนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 แน่นอน”พล.ต.ท.สรายุทธ ระบุและว่าล่าสุดตำรวจบึงกาฬยึดเฮโรอีนได้กว่า 9 กิโลกรัม
ที่ยกโมเดลของ บช.ภ.4 มาเป็นตัวอย่างเพื่อสื่อว่ายาเสพติดระบาดหนักเพราะแค่จับรายย่อยในพื้นที่ยึดยาบ้ากว่าล้านเม็ด และถ้าปฏิบัติการอย่างจริงจังสามารถสยบแก๊งค้ายาหยุดการแพร่ระบาด
ดังนั้นถ้า ผบช.ภ.1-9 และ บช.น.เอาจริงเปิดแผนปฏิบัติการไล่ล่าอย่างต่อเนื่องไม่หย่อนยานเชื่อว่าไม่เกิน 2 เดือนยาเสพติดในพื้นที่เบาบางลงอย่างแน่นอน และผลดีที่ตามมาคือปัญหาอาชญากรรมจะลดลง เพราะทุกวันนี้หากติดตามข่าวจับกุมลักเล็กขโมยน้อยได้ส่วนใหญ่สารภาพว่าต้องการเงินไปซื้อยาเสพ อย่างที่ จ.บุรีรัมย์ จับกุมวัยรุ่น 2 คน วัย 15 ปี สารภาพว่าต้องเสพยาวันละ 5 เม็ดเพื่อเลี่ยงกฎหมาย ส่วนคนที่สองวัย 17 ปีบอกว่าต้องเสพวันละ 10 เม็ด จึงต้องก่อเหตุ
หาก ผบช.คนไหนใจกล้าสืบสวนข้อมูลได้กระจ่างชัดว่าพ่อค้ายาเสพติดคนนี้มีมีเครือข่ายจำนวนมาก แล้วจัดการแบบเด็ดขาด ชาวบ้านจะเชียร์เหมือนที่เคยเชียร์นายทักษิณ ชินวัตร อย่างแน่นอน
เพราะอย่าลืมว่าในปัจจุบันแม้รัฐบาลจะประกาศให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระชาติ ตลอดเวลา 6 เดือน ชาวบ้านที่ลูกหลานเป็นทาสยาเสพติดไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่าวาระชาติของรัฐบาลเกิดขึ้นจริง เพราะแทบทุกครอบครัวยังอยู่ในอาการกล้ำกลืนทนทุกข์
ดังนั้นเมื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มีอำนาจเต็มมือลองจัดหนักระดมมันสมองจากผบช.ภาค 1-9 ผบช.น. ผบช.ก.และผบช.ปส. ผนึกกำลังกับเลขาธิการป.ป.ส.เป็นตำรวจด้วยกัน จัดทำแผนให้ทุกโรงพักเอกซเรย์พื้นที่ทุกตารางนิ้วลุยสืบสวนจับกุมอย่างต่อเนื่อง ต่อจิ๊กซอร์แบบแดนชนแดนไม่ให้ผู้ค้ารายใหญ่รายย่อยมีที่ยืน รวมถึงระดมกำลังตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.)จัดชุดลาดตระเวนตามแนวชายแดนและเขตลอยต่ออย่างต่อเนื่อง จริงจัง โดยให้ตำรวจสันติบาล ตำรวจ ปส.และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.สืบข่าวเชิงลึก ถึงความเคลื่อนไหวของแก๊งค้ายาแล้ววางแผนจัดการ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนเป็นกำแพงเหล็กให้ตำรวจที่ปฏิบัติการพิงพร้อมๆกับประสานทางข้างกับทหาร ฝ่ายปกครอง กระทรวงสาธารณสุข ให้เป็นหน่วยเสริมนำผู้เสพเข้าบำบัด
หากแผนปฏิบัติการนี้ถูกปฏิบัติการอย่างจริงจังต่อเนื่องเชื่อว่าไม่เกิน 2 เดือน การแพร่ระบาดของยาเสพติดต้องเบาบางอย่างแน่นอน แล้วจะได้ยินเสียงเชียร์ดังกระหึ่มจากชาวบ้านที่มาพร้อมกับอาการยกมือสาธุ
ซึ่งผลงานนี้จะเป็นแรงขับส่งให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร กรุยทางสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้อย่างสง่างาม อย่างแน่นอน !!!
