“ทูตรัศม์” ยันไทยควรเป็นผู้นำแก้ปัญหาเมียนมา

262

“ทูตนอกแถว” ชี้ด้วยที่ตั้งและผลกระทบ ร่วมกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยควรเป็นผู้นำแก้ปัญหาเมียนมา ส่วนทัศนะ ปธ.รัฐสภาอาเซียน เป็นแค่ความเห็นส่วนบุคคล ไม่มีผลผูกพัน

วันที่ 21 มี.ค. จากกรณีการให้สัมภาษณ์นิตยสาร TIME ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีตอนหนึ่งที่ได้ประกาศว่าไทยจะเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาเมียนมา และมีสื่อไทยรายหนึ่งนำมารายงานต่อสรุปว่า รัฐสภาอาเซียน (APHR) ได้ออกแถลงการณ์ว่าอาเซียนยังไม่มีอาณัติร่วมกันให้ไทยเป็นผู้นำดังกล่าว นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวผ่านเฟซบุคเพจชื่อบัญชี “ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns” ว่า รายงานที่ว่านี้มีส่วนความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ดังนี้

ประการแรก ASEAN Parliamentarians for Human Rights (APHR) ไม่ใช่รัฐสภาอาเซียน และมิได้มีสถานะเป็นองค์กรทางการใดๆของอาเซียน ไม่ได้เป็น NGO ไม่ได้มีพันธะใดๆ กับอาเซียนทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2566 APHR ลงบทความในเว็บไซต์ชื่อ “ASEAN’s continued engagement with Myanmar junta risks legitimizing illegal regime, Southeast Asian MPs say” โดยประธานของกลุ่ม APHR ได้แสดงทัศนะของตนเองว่า “อาเซียนยังไม่มีแนวทางชัดระหว่างกันที่จะยอมรับให้ไทยเป็นผู้นำเรื่องเมียนมา โดยไทยมิใช่ทั้งประธานปัจจุบัน หรือของปีก่อนและปีถัดไป”

ในการประชุมสุดยอดเพื่อฉลองการครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ของอาเซียน-ญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียวเมื่อเดือนธันวาคม 2566 นายกรัฐมนตรึไทยได้แจ้งที่ประชุมทราบถึงนโยบายของไทยที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในเมียนมา เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไทยมีพรมแดนติดกับเมียนมามากกว่าสองพันกิโลเมตร และได้รับผลกระทบโดยตรงจากความขัดแย้งในเมียนมามากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน นอกจากนี้ไทยยังเป็นประเทศที่สามารถติดต่อพูดจากับทุกฝ่ายในเมียนมาได้ รวมทั้งเป็นมิตรใกล้ชิดกับประเทศมหาอำนาจที่มีผลประโยชน์ในภูมิภาค ดังนั้น ทั้งในแง่ความจำเป็นของไทยเองที่ถูกกระทบโดยตรง และสถานะพิเศษของไทยที่สามารถประสานกับทุกฝ่ายได้ ประเทศไทยจึงจำต้องมีบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาเมียนมา ซึ่งไม่มีประเทศอาเซียนใดแสดงการคัดค้านความพยายามดังกล่าวของไทย

ทั้งนี้การที่สื่อแปลชื่อ APHR ว่าเป็น “รัฐสภาอาเซียน” ทั้งที่เป็นเพียงการรวมตัวของกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้มีสถานะทางการใดๆทั้งสิ้นในฐานะองค์กรอาเซียน จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และสร้างความเข้าใจผิดให้กับสาธารณะชน โดยเฉพาะที่พยามสื่อว่าความเห็นส่วนบุคคลเพียงคนเดียวดังกล่าวเป็นเสมือนแถลงการณ์ท่าทีทางการขององค์กรในอาเซียน ซึ่งมันไม่ใช่

“ท้ายนี้อยากบอกว่าทุกๆคนย่อมมีสิทธิแสดงความเห็นส่วนตัว และก็เป็นเรื่องปกติที่แม้แต่ประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันเองจะเห็นต่างกันในบางเรื่อง แต่ไม่ว่าอย่างไร จากผลกระทบโดยตรงจากปัญหาสู้รบในเมียนมา ประเทศไทยจำเป็นต้องเดินหน้าและมีบทบาทแข็งขันในการไขปัญหาดังกล่าว และในความเห็นของผม ด้วยสถานะพิเศษของรัฐบาลไทยในปัจจุบันที่สามารถพูดคุยได้ทุกฝ่าย รวมทั้งกับประเทศมหาอำนาจ ไทยจึงอยู่ในฐานะที่จะเป็นประเทศผู้นำในการแก้ไขวิกฤติการณ์เมียนมา ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขของทั้งไทยและภูมิภาคอาเซียนโดยรวม” นายรัศม์ระบุ

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #เศรษฐาทวีสิน #ทูตนอกแถว #รัศม์ชาลีจันทร์ #APHR