“พล.ต.อ.ศรีวราห์ คมมาก เก่งมาก การรวบรวมพยานหลักฐาน สอนผมทุกเรื่อง เป็นคนที่มีความรู้เรื่องสืบสวนสอบสวน มีความรู้ในกระบวนการยุติธรรมในทุกมิติ เวลาจับใครต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความผิด เอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องมาลงโทษ แต่ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาด้วย “ไม่พิสูจน์ความผิดอย่างเดียว ถ้าเขาบริสุทธิ์ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย ถ้าผิดต้องเราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาผิดอะไร..”พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)กล่าวชื่นชมพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรองผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ระหว่างให้สัมภาษณ์รายการหนึ่งของวอยซ์ทีวี
ในรายละเอียดของคำสัมภาษณ์ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ บอกว่า ขอยกให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เป็นไอดอลในทางกฎหมาย สอนเทคนิคการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดให้อย่างไม่ปิดบัง เพราะนับแต่จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจติดยศ ร.ต.ต.พักอาศัยอยู่กับ ร.ต.อ.ศรีวราห์ 7 ปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์งานตำรวจมาเต็มเปี่ยม
เทคนิคที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์แนะนำได้ติดตัวมาใช้กับการทำงานที่ ป.ป.ส.ได้เป็นอย่างดี
ถ้ามองย้อนถึงผลงานของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ในอดีตจัดว่าไม่ทำธรรมดาโดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฝากผลงานไว้จำนวนมาก และเคยต่อกรกับอดีต ผบ.ตร.บางคนที่ถูกกล่าวหารุกล้ำลำน้ำสาธารณะมาแล้ว
ก่อนเกษียณ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ฝากผลงานจับเจ้าสัวหมื่นล้านกับพวก ล่าเสือดำ เขตอุทยานแห่งชาติในกาญจนบุรี ท่ามกลางเสียงครหาว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู สุดท้ายเจ้าสัวกับพวกเดินคอตกเข้าคุก
ที่ยกประเด็นนี้มาเขียนถึงเพื่อสื่อสารว่าในปัจจุบันมีไม่บ่อยนัก ที่นายตำรวจระดับ พล.ต.ท. อยู่ในราชการ จะชื่นชมอดีตนายตำรวจระดับ พล.ต.อ. ออกสื่อว่าเป็นกูรูสามารถยึดเป็นแบบอย่างได้ ยิ่งทอดตามองในรอบ 9 ปี ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ครองอำนาจ นายพลตำรวจระดับ พล.ต.ท.-พล.ต.อ. ในสำนักปทุมวันแทบจะไม่มีนายตำรวจคนไหนพอที่จะให้ตำรวจยุคปัจจุบัน ยึดเป็นไอดอลงานสืบสวนสอบสวนได้เลย
เพราะแต่ละนายล้วนเติบโตเรียนลัด หรือ โตแบบ บ่มแก๊ส ขยับสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นล้วนแต่ต้องขอยกเว้นกฎ กติกา แทบทั้งสิ้น บางนายโชว์ผลงานจับกุมมากมาย สื่อและสังคมชื่นชม แต่ผลคดีจะจบแบบยกฟ้องผู้ต้องหาลอยนวล ซึ่งแตกต่างจากอดีตหากเอ่ยถึงมือสอบสวนระดับชั้นครู จะนึกถึง พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อดีตอธิบดีกรมตำรวจ(อ.ตร.) พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีต อ.ตร. พล.ต.อ.ประยูร โกมารกุล ณ นคร อดีตกรมวัง พล.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ โรหิโตปการ กรมวัง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีต ผบช.น. พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ อดีตรองผบ.ตร. พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ อดีตรองผบ.ตร.และพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร อดีตรองผบ.ตร. เป็นต้น
หากเอ่ยถึงงานสืบสวนปราบปรามระดับชั้นครู จะนึกถึง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตผบ.ตร. พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอ.ตร. พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผบช.ประจำ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา อดีตรองผบ.ตร. พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ อดีต ผบช.น. พล.ต.ท.ทวี ทิพย์รัตน์ อดีต ผบช.น. พล.ต.ท.ธนู หอมหวล อดีตผบช.ก. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ อดีตผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น อดีตผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นต้น ซึ่งนายตำรวจเหล่านี้หากย้อนดูเส้นทางการเติบโตกว่าจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ล้วนแต่ต้องใช้ผลงานเป็นหลักประกันแทบทั้งสิ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บรรดาตำรวจทั่วไปยกให้เป็นบุคคลในตำนานที่ต้องกล่าวขานถึง
ครั้นมามองในสภาวะปัจจุบันที่นายตำรวจโตแบบบ่มแก๊สนั่งบริหารองค์กร ทำให้แต่ละส่วนงานไม่ว่าจะเป็นสืบสวนหรือสอบสวน ค่อนข้างไร้ทิศทาง เพราะหน้างานตำรวจแต่ละงานต้องใช้ประสบการณ์จริงถึงจะนำพาหน่วยให้ก้าวรุดหน้ารับใช้ประชาชนได้อย่างแท้จริง
หากจะอนุมานว่าองค์กรตำรวจอยู่ในภาวะเป็ดง่อย ไม่น่าจะเกินเลยนัก เพราะถ้าดูอย่างวิเคราะห์ถึงเส้นทางเติบโตระดับ พล.ต.ท.-พล.ต.อ. จะพบว่าจำนวนที่เติบโตด้วยการเรียนลัด วิ่งเต้นเพื่อยกเว้นกฎกติกา มีมากกว่าจำนวนที่เติบโตด้วยผลงานที่มองงานสืบสวนสอบสวนได้ทะลุ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชาชนมองตำรวจด้วยสายตาที่ไร้ความเชื่อถือ หมดศรัทธา เพราะหาตำรวจแบบพี่ศรีวราห์ ตามที่เลขาธิการ ป.ป.ส. ชื่นชมนั้นยากเต็มที !!!
