ศึกเกาเหลาทำ”สำนักสีกากี”ร้าว ”ผบ.ตร.”อยู่ในอาการกล้ำกลืน นายกฯต้องกล้าเล่นบทท้าวมาลีวราช                                     

837


                                     
          รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอาณาจักรโล่เงิน เกิดปรากฏการณ์ที่ชาวสีกากีทั้งในอดีตและปัจจุบันคาดไม่ถึงอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ ที่แพร่ผ่านสื่อมวลชน


         เหตุการณ์แรก นายตำรวจระดับผู้กำกับการ(ผกก.)ยศ พ.ต.อ.เกิดอาการเหมือนสติหลุดคุกเข่าก้มกราบสารวัตร(ส.ว.) ยศ พ.ต.ท. ระหว่างที่ถูกผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.จว.)นครนายก เรียกไปชี้แจงหลังถูกลูกน้องระดับ ส.ว.และชั้นประทวนร้องเรียนว่าถูกบังคับให้เดินสายเก็บส่วย


      ในประวัติศาสตร์สำนักปทุมวัน ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อนที่ตำรวจยศสูงกว่าก้มกราบตำรวจยศต่ำกว่าแถมถูกเผยแพร่ผ่านสื่อไปทั่วโลก
       จน ผบก.ภ.จว.นครนายกตั้งกรรมสอบสวนและลงโทษทางวินัย สั่งย้ายไปประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า กองบัญชาตำรวจภูธรภาค 2 (ศปก.ตร.ภ.2) แบบขาดจากตำแหน่ง


      เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.)เปิดศึกวิวาทะกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(รองผบช.ก.) ผ่านสื่อมวลชนถึงขั้นท้าทายกันไปมา สาเหตุจากคดีพนันออนไลน์ที่มีวงเงินหมุนเวียนสูงถึง 300 ล้านบาทและมีนายตำรวจกว่า 8 นายตกเป็นผู้ต้องหา


     กลายเป็นศึกเกาเหลาสะท้านอาณาจักรโล่เงิน สร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. อย่างยิ่ง จนต้องออกมาปรามพร้อมออกคำสั่งกำชับมิให้ตำรวจที่ไม่มีหน้าที่ให้ข่าวกับสื่อมวลชน ให้สัมภาษณ์ หากมีการสื่อสารให้โฆษกหน่วยงานนั้นๆทำหน้าที่


    พร้อมกับให้สัมภาษณ์แบบปรามอยู่ในทีว่า”ใครเจ๋งก็ต้องเก็บไว้ ของแท้ต้องไม่ออกมาพูดหรือ นักเลงเขาไม่พูดตอบโต้กัน องค์กรมันเสียหาย หากพนักงานสอบสวนมีข้อมูลก็ใช้ข้อมูลไม่ต้องต้องมาโชว์ ไม่ผิดก็คือไม่ผิด..”


     จังหวะเดียวกันนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เตรียมเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพล.ต.ต.จรูญเกียรติ มาปรับความเข้าใจ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ โดยทั้งสองบอกว่าพร้อมจะไปถ้ามีคำสั่งมา


      แต่ในที่สุดไม่ได้เรียกพบ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกกว่า ยังไม่เรียกพบเพราะจังหวะเวลายังไม่ได้ จึงให้คนกลางที่ 2 ฝ่ายเชื่อถือไปเจรจาทำความเข้าใจก่อน 
    แต่ในระหว่างที่เปิดศึกวิวาทะกัน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถูกลากเข้าไปอยู่ในวังวนของเหตุการณ์ด้วย เพราะถูกพล.ต.ต.ฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ


     ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกว่ามิได้กังวล แต่จะเดินหน้าแก้ปัญหา ในฐานะที่เป็นผบ.ตร.ไม่มีความจำเป็นต้องไปชกกับใคร องค์กรมีวัฒนธรรม หากจะสู้ขอให้สู้ด้วยข้อเท็จจริง


    ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความกังวลถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งไมน้อย ถึงขั้นกำชับให้ผู้บริหารสำนักปทุมวันเร่งหาแนวทางแก้ไขโดยเร็ว


     หากมองถึงสถานการณ์ที่ปรากฏอยู่ จัดว่าหนักพอสมควร เพราะต่างฝ่ายต่างเปิดหน้าชกสวนกันไปมา แบบไม่เกรงใจกัน เพราะต่างฝ่ายกำไต๋แบบเน่าๆซึ่งกันและกัน


     ดังนั้นนายเศรษฐา ไม่ควรปล่อยให้ ผบ.ตร.หรือ รอง ผบ.ตร.หาทางแก้ปัญหากันเอง เพราะลุกลามเกินจะเยียวยาแล้ว อยู่กันแบบกล้ำกลืน ประเภทกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สังคมสื่อเองยังเชื่อว่า แค่ระดับ รอง ผบช. กล้าเปิดหน้าชน รอง ผบ.ตร. ต้องมีคนใหญ่อยู่เบื้องหลังแน่นอน เพราะในอดีต ไม่เคยมี ระดับ รอง ผบช. คนใหนจะห้าวเป้งกล้า เปิดหน้าชน กับ ระดับผู้บังคับบัญชาเป็นถึงรอง ผบ.ตร. แบบนี้


     หาก นายเศรษฐา ยังวางเฉย ลอยตัวองค์กรตำรวจจะถดถอยลงไปเรื่อยๆ  ประชาชนจะหมดศรัทธาไปพร้อมๆกับรัฐบาลอย่างแน่นอน


     จึงอยากให้ นายเศรษฐา ลงมาแก้ปัญหา ด้วยการสวมบทท้าวมาลีวราชได้แล้ว อาจจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ดึงอดีตตำรวจที่ชาวสีกากีเชื่อถือมาเป็นกรรมการ จากนั้นเรียกทั้งสองฝ่ายมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงแล้วสรุปผลสอบสวนออกมา


    เมื่อผลสอบออกมาแล้วให้พิจารณาตามเนื้อผ้า(แต่ต้องเนื้อแท้)ใครเกี่ยวข้องกับคดีความจนกลายเป็นต้นแห่งปัญหา นายเศรษฐา ใช้อำนาจตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11 สั่งนายตำรวจเจ้าปัญหาทั้งหลายไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากการเป็นตำรวจ


  จากนั้นสั่งให้ชุดพนักงานสอบสวนที่กำลังสางคดีต่างๆเร่งดำเนินการโดยเร็ว สรุปสำนวนส่งอัยการฟ้องศาล หากพบว่าคดีใดมีตำรวจเกี่ยวข้องไม่ว่าระดับไหนสั่งสำรองราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน


   หากดำเนินการได้รวดเร็วและตรงไปตรงมาเชื่อว่าพายุที่พัดอย่างรุนแรงในอาณาจักรโล่เงิน จะสงบราบคาบแน่นอน


   ขอฝากถึงนายเศรษฐา เร่งสวมบทท้าวมาลีวราช ได้แล้ว ว่าจะกล้าหรือเปล่า .? !!!