นาทีประวัติศาสตร์!! “ทักษิณ”นั่งรถออกจาก รพ.ตร.กลับถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า พบใส่เฝือกคอ-ดามแขน สีหน้าเรียบเฉย !!

22324

วันที่ 18 ก.พ 67 เวลา 06.09ที่ โรงพยาบาลตำรวจ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากโรงพยาบาลตำรวจ กลับถึงบ้านจันทร์ส่องหล้าในเวลา 06.33 น.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังได้รับการพักโทษอย่างเป็นทางการวันนี้

โดยสื่อมวลชนบันทึกภาพ ขณะที่ นายทักษิณ นั่งรถออกจากรพ.ตำรวจ โดยมี น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นั่งข้างๆและมี น.ส.พิณทองทา หรือเอม บุตรสาวคนโตนั่งข้างหลัง โดยใช้รถ Mercedes Benz รุ่น V 250 d สีดำ ทะเบียน ภษ 1414 กรุงเทพมหานคร คนละคันกับที่อุ๊งอิ๊งนั่งมาตอนแรก โดยออกจาก รพ.ตำรวจตามฤกษ์ 06.09น. โดยนายทักษิณ ใส่เสื้อสีเขียวดำลายตาราง กางเกงสีดำขาสั้น สวมหน้ากากอนามัยสีฟ้า สวมเฝือกอ่อนที่คอ และใส่ที่คล้องคอช่วยดามแขนสีดำ โดยมีสีหน้าเรียบเฉย และจะมีพิธีทำบุญตักบาตรที่บ้านพักในเวลา 09.00น.

ทั้งนี้ นายทักษิณ จะพักรักษาอาการป่วยที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หลังจากได้มีการพักการลงโทษ พิจารณาหลักเกณฑ์รายชื่อผู้ต้องขังทั่วประเทศที่ผ่านเกณฑ์พักโทษแบบปกติ และพักโทษแบบกรณีมีเหตุพิเศษ ในจำนวน 945 รายชื่อว่า 1 ในรายชื่อดังกล่าวคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อายุ 74 ปี เนื่องจากเข้าเกณฑ์ผู้ต้องขังสูงอายุ มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และที่สำคัญได้เข้าสู่กระบวนการรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หรือ 6 เดือน จึงเข้าเงื่อนไขพิจารณาพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม ถึงกระบวนการภาพรวมที่จะเกิดขึ้นภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักการลงโทษและกลับไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าว่า เบื้องต้นสำหรับหนังสือแจ้งการพักโทษที่จะเป็นเอกสารสำหรับผู้ต้องขังนั้น จะอยู่ในความรับผิดชอบเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขณะที่กรมคุมประพฤติมีหน้าที่ไปรับรายงานตัว แต่ก็จะต้องดูรายละเอียดเช่นกันว่าในเอกสารดังกล่าวมีการกำหนดเงื่อนไขอะไรบ้าง ซึ่งกระบวนการรับรายงานตัวจะเกิดขึ้นภายหลังสุด เนื่องจากนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงอายุและเจ็บป่วย จึงเป็นหน้าที่ของทางกรมคุมประพฤติที่จะต้องเดินทางไปพบด้วยตัวเอง โดยกรมคุมประพฤติจะต้องมีการประสานกับกรมราชทัณฑ์ หรือเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าผู้ต้องขังเข้าสู่กระบวนการพักโทษและเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่พักโทษเรียบร้อยแล้ว หรือในการนี้ คือ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เพื่อเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติจะได้ประสานโดยตรงกับผู้อุปการะสำหรับกำหนดการเข้าพบและชี้แจงเงื่อนไข ทำความเข้าใจ ข้อกำหนดการพักการลงโทษ วันเวลานัดหมายรายงานตัวในเดือนถัดไป ซึ่งการจะเข้าพบนายทักษิณ กรมคุมประพฤติมีเวลา 3 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. – 21 ก.พ. และต้องได้รับการยินยอมจากนายทักษิณก่อนว่าสะดวกในวันเวลาใด ภายใน 3 วันนี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อกระบวนการการรักษาของแพทย์ หากนายทักษิณยังอยู่ระหว่างการทำหัตถการต่าง ๆ

รายงานข่าว ระบุถึงการเดินทางเข้าเยี่ยมของบุคคลภายนอกต่อผู้ได้รับการพักโทษ ว่า สามารถกระทำได้และไม่ต้องขออนุญาตจากกรมคุมประพฤติ เพราะผู้ที่ได้รับการพักโทษก็คือผู้ที่ได้รับโอกาสให้กลับไปใช้ชีวิตปกติอยู่ในสังคมก่อนถึงวันพ้นโทษ ดังนั้น ไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะเป็นใคร ตำแหน่งใด ก็สามารถเดินทางเข้าเยี่ยมพูดคุยกับผู้ได้รับการพักโทษได้ ส่วนเงื่อนไขที่เป็นข้อละเว้นเดียวก็คือผู้ที่ได้รับการพักโทษจะไม่สามารถไปเยี่ยมผู้ต้องขังอื่นๆในเรือนจำฯได้ อย่างไรก็ตาม หากในระหว่างการพักโทษนั้น นายทักษิณมีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปตรวจสุขภาพกับแพทย์ที่สถานพยาบาลอื่นใดก็สามารถเดินทางไปได้ ขอเพียงแค่อยู่ในพื้นที่จังหวัดของสถานที่พักโทษ ทั้งนี้ หากนายทักษิณมีความจำเป็นต้องไปทำธุระนอกพื้นที่เขตจังหวัด จะต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ

เมื่อถามว่าในระหว่างที่นายทักษิณได้รับการพักโทษจะต้องมีเจ้าหน้าที่จากกรมคุมประพฤติคอยประกบหรือไม่ รายงานข่าว เผยว่า จะไม่มีเจ้าหน้าที่ของกรมคุมประพฤติต้องคอยประกบหรือควบคุมดูแล เพราะถือว่านายทักษิณอยู่ในกระบวนการพักโทษแล้ว สามารถใช้ชีวิตปกติในสังคมได้ทันที เพียงแค่ต้องพึงระวังในข้อจำกัดหรือเงื่อนไขตามหลักการที่ถูกกำหนดไว้เหมือนกับผู้ได้รับการพักโทษคนอื่นๆ

คปท. รวมตัวหน้า รพ.ตำรวจ รอรับ ‘ทักษิณ‘ หลังพักโทษ ยัน ไม่บุกไปบ้านจันทร์ส่องหล้า มอง กรณีทักษิณ เป็นตอกย้ำความแตกแยกของกระบวนการยุติธรรม

เวลา 23.30 น. ที่หน้าโรงพยาบาลตำรวจ นายพิชิต ไชยมงคล เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาปักหลักเฝ้าสังเกตการณ์ที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากครบเกณฑ์ได้รับการพักโทษในวันที่ 18 ก.พ.นี้ โดยยืนยันว่า คปท.คัดค้านการพักโทษนายทักษิณ เรามาเพื่อแสดงให้เห็นว่านายทักษิณ เป็นกรณีตัวอย่างเป็นการพักโทษแม้ไม่ได้เข้าเรือนจำ และหากคืนนี้นายทักษิณ ออกจากโรงพยาบาลจริง ก็สะท้อนแล้วว่าสิ่งที่ คปท.พูดเป็นความจริง นายทักษิณไม่ได้ป่วยหนัก หรือต้องใช้เครื่องมือพิเศษ สังคมก็จะเห็นข้อเท็จจริงด้วย

นายพิชิต มองว่า กรณีการพักโทษของนายทักษิณ ถือว่าได้รับอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่น โดยคดีอายัดตัวในความผิดมาตรา 112 หากปล่อยไว้นานก็อาจจะมีการแทรกแซงการทำงานของอัยการได้ โดยหลังจากนี้ คปท.จะไปสอบถามกองทัพบก ในฐานะผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องปกป้องสถาบัน

นอกจากนี้นายพิชิต ยังประเมินอีกว่าหากนายทักษิณ พักโทษที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ก็จะมีนักการเมืองไปหา บอกว่าไม่แทรกแซงการเมืองคือไม่น่าเชื่อถือ เพราะนายทักษิณ ยังมีอิทธิพลทางการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองพรรคเพื่อไทย

“การกลับมาของนายทักษิณถือเป็นทั้งโอกาส และวิกฤต หากรับโทษ จะสร้างโอกาสในการปรองดอง แต่ทักษิณไม่ได้รับโทษ ตอกย้ำความแตกแยกของกระบวนการยุติธรรม”

ส่วนในตอนเช้าจะมีกำลังเสริมจากกลุ่มกองทัพธรรม มาร่วมปักหลักอยู่ที่นี่ ในช่วงเช้า ถ้ามีการปล่อยตัวนักโทษชายทักษิณ หลังเวลา 06:00 น. ส่วนตัวเลขของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเบื้องต้นได้รับรายงานว่าประมาณ 200-300 คน ส่วนการเดินทางไปปักหลักที่บ้านจันทร์สองหล้า ส่วนตัวคิดว่า เราคงไม่มีมาตรการแบบนั้นเพราะคิดว่าเป็นการคุกคามสิทธิส่วนบุคคล

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายทักษิณได้รับการลงโทษ แล้วมีส่วนได้เข้าไปนั่งในตำแหน่งของรัฐบาลกลุ่ม คปท.จะคัดค้านหรือไม่ ระบุว่า สำหรับสิทธิของบุคคลที่เพิ่งพ้นโทษ จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวการเมืองไม่ได้ แต่ถ้านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะใช้นายทักษิณช่วยเหลืองาน เป็นการส่วนตัว คปท. จะต้องท้วงติงในความเหมาะสม เพราะนายทักษิณได้รับโทษ คดีทุจริต คอรัปชั่นในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา

นายพิชิตกล่าวเพิ่มเติมว่า หากนายทักษิณได้รับ ตำแหน่งในตอนนี้คงไม่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งเพราะนายทักษิณได้รับการพักโทษ ยังไม่พ้นโทษ ซึ่งถ้าเอาผู้ต้องขังที่ได้รับการพักโทษ มาเกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ จะเป็นรัฐบาลเองที่จะเสียมากกว่า

ส่วนกรณีที่ คปท. ได้ยื่น ป.ป.ช. ให้ตรวจข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณนั้น ตอนนี้ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องพิจารณาไว้แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ ป.ป.ช. ได้ทำตามสิ่งประชาชนตั้งข้อสงสัย เป็นสิ่งดีกับเรื่องนี้ และจะเกี่ยวพันกับเรื่องที่ คปท. เตรียมจะยื่นให้พิจารณาว่า จะมีการนับโทษใหม่หรือไม่ ถ้า ป.ป.ช. วินิจฉัยว่า ข้าราชการใช้สิทธิ์ และใช้อำนาจเอื้อต่อกรณีนี้เป็นพิเศษ ก็อาจจะมีการนับโทษใหม่อีกด้วย

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ทักษิณชินวัตร #พักโทษ