วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้องประชุมตึกกองบังคับการกฎหมายเเละคดีตำรวจภูธรภาค 1 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับทรัพย์จากเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ 140 ล้านบาท หรือ คดี “เป้รักผู้การ” และนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน ได้นัดหมาย พล.ต.ต.กัมพล อดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กับพวก ทั้งตำรวจและพลเรือน รวม 33 คน มารายงานตัวเพื่อแจ้งข้อหาในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ และความผิดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เปิดเผยว่า วันนี้แบ่งกลุ่มผู้ต้องหาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่ม พล.ต.ต.กัมพล กับ ตำรวจ 17 คน และพลเรือนกลุ่มของนายบอย จำนวน 4 คน ที่เคยแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปแล้วเมื่อตอนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดคณะพนักงานสอบสวน แต่ต้องแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เพิ่มเติม
ส่วนอีกกลุ่ม คือ กลุ่มที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้แจ้งข้อหาในล็อตแรก แต่คณะทำงานชุดปัจจุบันเห็นว่ามีความผิด จึงเรียกมาแจ้งข้อหาใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้าตำรวจ 3 นาย และพลเรือน 9 คน
โดยวันนี้ได้นัดผู้ต้องหาทั้งสิ้น 20 คน ส่วนที่เหลือได้นัดหมายให้เข้ามารับทราบข้อหาในวันพรุ่งนี้(13 ก.พ.)
หลังจากนั้นคณะทำงานก็จะสรุปสำนวนเสนออัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต คาดว่าจะใช้เวลาสรุปสำนวนประมาณ 2 เดือน หลังแจ้งข้อหา ขึ้นอยู่กับผู้ต้องหาว่าจะอ้างพยานหลักฐานใดให้พนักงานสอบสวนต้องสอบเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหาด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการร้องขอความเป็นธรรมทุกเรื่อง คณะทำงานจะต้องสอบให้ทั้งหมด ต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ด้วย ส่วนหลังจากนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอัยการผู้รับผิดชอบคดี แต่เนื่องจากคดีนี่ ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว ไม่ได้ถูกฝากขัง ทำให้อัยการจะมีเวลาพิจารณาสำนวนมากขึ้น เพราะไม่มีเงื่อนระยะเวลาฝากขังมากำหนด