ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญและการประชุม ครม.นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 5/2561 ที่จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค. พร้อมด้วยพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังไร่ภูตะวัน ออร์แกนิคฟาร์ม บ้านหนองเม็ก ต.คึมใหญ่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ
โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะ มาถึง นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ให้การต้อนรับ ขณะที่ตัวแทนเกษตรกรได้นำผ้าขาวม้าผูกเอวของนายรัฐมนตรี ท่ามกลางเสียงปรบมือของประชาชนที่มารอต้อนรับนายกรัฐมนตรีเช่นกัน จากนั้น ผู้บริหารโครงการศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์เมืองธรรมเกษตรได้บรรยายสรุปความเป็นมาศูนย์เรียนรู้ดังกล่าวที่เป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเริ่มต้นจากบทเรียนการใช้สารเคมีของเกษตรกรแกนนำที่เป็นคน รุ่นใหม่ตระหนักถึงปัญหาและเห็นความสำคัญของวิถีการดูแลสุขภาพ จึงใช้ประสบการณ์ องค์ความรู้ และเทคโนโลยีจากงประเทศอิสราเอล นำประยุกต์กับการทำเกษตร โดยปลูกผักอินทรีย์ในโรงเรือน ภายใต้หลักการการตลาดนำการผลิต
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ ว่า ดีใจที่ได้เจอทุกคน แม้ตนยังไม่สบาย มีไข้ ก็ต้องมา เพราะคิดถึงกัน ตนอิจฉาคนที่นี่ เพราะมีอากาศดี แต่กรุงเทพฯทั้งร้อน ฝนตก รถติด ที่นี่อากาศดีและมีฝนตกก็เพื่อทำการเกษตร ระหว่างเดินทางมา ตนได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรีว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
“จึงขออย่ามองว่ามาเรื่องการเมือง อะไรก็เป็นการเมืองไปทั้งหมด แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่วันนี้มุ่งหวังดูปัญหาที่มีอยู่ เพื่อแก้ไขให้เร็วขึ้น เพราะในวันหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามา ที่ผ่านมามีการทำงานมาหลายรัฐบาลแล้ว ซึ่งวันข้างหน้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่จะเริ่มต้นให้ได้วันนี้ก่อน”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากมองว่ารัฐบาลมาแล้ว ของบประมาณปีนี้ ก็อยู่แค่ปีนี้ มันไม่ใช่ รัฐบาลนี้จะต้องเดินหน้าประเทศอย่างยั่งยืน จึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะต้องทำให้ประเทศดีขึ้น ขณะเดียวกัน ข้าราชการในพื้นที่จะต้องพัฒนาร่วมกับประชาชนด้วย ขออย่าไปคิดว่ารู้ทั้งหมด จึงต้องผสมผสานระหว่างความรู้ของข้าราชการและประสบการณ์ของชาวบ้าน พร้อมกับขอให้ฟังรายการ”ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ที่ตนพูดในทุกวันศุกร์ จะได้ทราบว่าตนมีเจตนาดีกับทุกคนอย่างไร และสิ่งสำคัญ ทุกคนต้องสร้างหลักคิดว่าจะพัฒนาตนเองได้อย่างไร ขณะเดียวกัน คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันในรูปแบบประชารัฐ ไม่ใช่แค่รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ถึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะการเลือกผู้นำที่ผิด จะมาโทษรัฐบาลฝ่ายเดียวไม่ได้ จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาก่อนจะเลือกใครมาเป็นผู้นำ เพราะคนนั้นจะต้องรับผิดชอบ เหมือนกับการเลือกผู้ใหญ่บ้าน หรือ อบต. องค์กรปกครองท้องถิ่น เวลาที่เกิดปัญหาชาวบ้านก็ไปแจ้งหน่วยงานท้องถิ่นได้เลย เพื่อจะได้ระดมอุปกรณ์และวิธีแก้ไข นี่คือหน้าที่ขององค์กรท้องถิ่นเป็นผู้ที่เจอปัญหาก่อน ต้องทำงานเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชน อย่ามามองเพียงเรื่องการเมือง เรื่องประชาธิปไตย แต่เราจะต้องมาดูเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานท้องถิ่นที่ถือเป็นผู้ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด จึงต้องมีการปลดล็อคเรื่องของงบประมาณขององค์กรท้องถิ่นให้เอาไปใช้ แต่ต้องไม่ปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ตนมาลงพื้นที่ ไม่ได้เอาเงินล้านมาแจกมาหว่าน ไม่ได้มาหาเสียง แต่เป็นเงินที่ทำให้ทุกพื้นที่ทั้งประเทศ กลุ่มจังหวัดอีสานที่นี่มีการเสนอของบประมาณเข้ามาจำนวนมาก วงเงินนับหมื่นล้าน มีทั้งเรื่องเส้นทางรถไฟ ถนน การปรับปรุงการท่องเที่ยว การจัดการน้ำ การทำแก้มลิง สิ่งเหล่านี้ตนจะดูให้ โดยจะพิจารณาแก้ไขในส่วนที่ยังบกพร่องหรือมีปัญหาจริงๆ
ขณะเดียวกัน ขอให้ประชาชนรู้จักใช้จ่าย อย่าสร้างหนี้เพิ่ม ตอนนี้รัฐบาลพยายามช่วยประชาชนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ประชาชนต้องรู้จักใฝ่หาความรู้หมั่นอ่านหนังสือให้เพิ่มมากขึ้น ส่วนครูอย่าสอนหนังสือแค่ในหนังสือ จะต้องสอนให้เด็กรู้จักคิดเป็น ตอนนี้โลกมันไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้ตนขอฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศไปดูห้องสมุดต่างๆในจังหวัดตัวเองว่ามีหนังสือเพียงพอกับประชาชนหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงความรู้ต่างๆ มากขึ้น เพราะไม่อยากให้คนไทยอ่านหนังสือแค่วันละ 8 บรรทัด
“ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ผมยิ่งต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ และการเลือกตั้งครั้งต่อไปเมื่อมีรัฐบาลใหม่ จะต้องเป็นรัฐบาลที่ไปได้ทุกที่ ยิ่งมีคนเกลียด ผมก็ต้องวิ่งไปหา ใครจะไม่ชอบผม ก็ไม่เป็นไร แต่ทหารทุกคนรักชาวบ้าน ทุกที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ตอนนี้เราแบ่งฝ่ายกันไม่ได้ เพราะทุกคนเป็นสีเดียวกัน เดือนนี้ทุกคนเป็นสีเหลือง มีความเป็นคนไทยร่วมใจกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรี เดินพบปะผู้ที่มานั่งฟังในงาน โดยช่วงหนึ่งได้พบกับศึกษานิเทศก์จังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า ขอให้ครูใส่ใจเรื่องการเรียนการสอนให้ความรู้แก่นักเรียน ไม่ใช่ไปสนใจเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายครู ส่วนครูคนไหนที่เป็นหนี้ ก็ต้องใช้หนี้ เป็นหนี้แล้วไม่ใช้คืนได้อย่างไร ครูกับเกษตรกรไม่เหมือนกัน เพราะเกษตรกรไม่มีเงินเดือน ยังมีความยากจน รัฐบาลจึงต้องดูแลเกษตรกรมากสักหน่อย ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันได้รับโอกาสและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเช่นกัน
ต่อมาได้มีด.ช.กิตติภณ โสดาภักดิ์ หรือน้องต้นกล้า อายุ 4 ปี ตะโกนบอกนายกรัฐมนตรี ว่า “ท่านนายกฯ ผมอยากเป็นทหารครับ ไหนแม่ทัพครับ” ทำให้นายกรัฐมนตรียิ้มตรงรี่เข้าไปอุ้มน้องต้นกล้าพร้อมบอกว่า “ถ้าอยากเป็น ให้ไปกับลุงเลยเอาไหม” น้องต้นกล้าตอบว่า “รอให้ผมโตก่อน” ซึ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับนายกรัฐมนตรี ก่อนกล่าวชมว่า “กล้าเหมือนชื่อ” จากนั้นได้มีชายคนหนึ่งบอกกับนายกรัฐมนตรีว่ากำลังจะลงสมัครส.ส. ตนขอให้มากำลังใจนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายกฯ ยิ้มเจื่อนๆ พร้อมกล่าวว่า “เลิกทำอะไรเก่าๆ ต้องทำใหม่ในฐานะคนรุ่นใหม่ สร้างความความยั่งยืน ใครที่หาเสียงแล้วทำไม่ได้ ก็อย่าไปหา ผมไม่ได้รังเกียจใครอยู่แล้ว”
จากนั้น นายรัฐมนตรีและคณะเดินเยี่ยมชมพร้อมรับฟังรายละเอียดการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์เมืองธรรมเกษตร ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์พัฒนาแพทย์แผนไทยพนา ต.พระเหลา อ.พนา จ.อำนาจเจริญ เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์แพทย์แผนไทยพนา ซึ่งได้ดำเนินงานด้านแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2536