ตามนโยบาย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ซึ่งตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อม รองรับการเดินทางของ นทท.ช่วงเทศกาลตรุษจีน 2567สอดรับกับ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ นายกรัฐมนตรี และ มาตรการยกเว้นวีซ่า นทท.จีน โดย รัฐบาลไทย – จีน ได้ร่วมกันลงนาม “ความตกลง” ยกเว้นวีซ่าไทย-จีน” หรือ ฟรีวีซ่า มีผลบังคับใช้ 1 มี.ค.2567 นั้น
วันนี้(ที่ 6 ก.พ.2567) เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย รอง ผบช.สตม. ร่วมประชุมเตรียมความพร้อม อำนวยความสะดวกแก่ ผดส.ช่วงเทศกาลตรุษจีน 2567 โดยมี พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2. และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้อง ศปก.บก.ตม.2 ชั้น 4 อาคาร ผด.ผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) สตม.ได้จัดทำมาตรการรองรับ การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมือง ภายใต้หลักความมั่นคง ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามแผนอำนวยความสะดวก ด้านพิธีการเข้าเมืองในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2567 โดยจะมีการปฏิบัติในช่วงวันที่ 8 – 14 ก.พ.2567 คาดว่า จะมีนทท.เดินทางเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าว
กว่าวันละ 80,000 คน และมีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณ นทท.ที่เดินทาง
เข้ามาไทยทาง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่และ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา ที่สำคัญ ดังนี้
(1) มีการจัดกำลังพลเต็มอัตราทุกช่องตรวจในช่วงที่ มีเที่ยวบินหนาแน่น เพื่อเร่งระบาย ผดส.ที่ สะสม ในโถงพักคอยให้ได้ภายในเวลา 30 นาที
(2) กรณีเกิดระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองขัดข้อง ให้ด่าน ตม.ทอ.ในสังกัด บก.ตม.2 ถือปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ (COMDOWN 67)
(3) เพิ่มศักยภาพในการระบาย ผดส.โดยมีการเปิดใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automatic channel )นำร่องที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(4) เตรียมความพร้อมโดยให้ ศท.ตม. เตรียม จนท.พร้อมรองรับการแก้ปัญหาในกรณีฉุกเฉินเมื่อเกิดสถานการณ์ระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองขัดข้อง นอกจากนั้นยังให้ ศท.ตม. และ บริษัทผู้ดูแลระบบ Biometic ยืนยันและรับรองความเชื่อมั่นในการป้องกันระบบขัดข้อง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเหมือนที่เคยเกิดสถานการณ์ช่วงปลาย ม.ค.2567 ที่ผ่านมาอีก โดย ศท.ตม. และบริษัทผู้ดูแลระบบให้การรับประกัน หลังจากนี้ วันที่ 8 – 9 ก.พ.2567 ผบช.สตม.จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมในการรองรับ นทท.ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต และ ด่าน ตม.ทอ.เชียงใหม่ เพื่อกำชับการปฏิบัติตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีต่อไป
