“องค์กรตำรวจสปิริตสูง จัดการสีกากีนอกแถวเข้มข้นตลอดมา”มาตรฐานปกครองสูงสุดเทียบกับองค์กรอื่น

771

กางสถิติ 3 ปี ลงโทษทางปกครอง วินัย-อาญา-คุก กว่าครึ่งหมื่น กลับถูกพวกหิวแสงดูแคลน รัฐบาลทุกยุคปล่อยเดียวดายสวัสดิการ
                                     


        บ่อยครั้งที่ตำรวจตั้งแต่นายพลยันชั้นประทวน ก่อเหตุสร้างความเสียหายให้กับปะระชาชน สังคมและองค์กร ยังไม่ทันทีที่จะสืบสวนหรือสอบสวนให้กระจ่าง จะมีประกาศิตจากผู้บังคับบัญชาสั่งให้ ออกหรือสำรองราชการไว้ก่อนเสมอ อาจจะเป็นเพราะบทบาทของตำรวจคือผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่ให้คุณให้โทษกับทุกคนได้ มาตรฐานการลงโทษจึงเฉียบขาดเสมอ

         หากมองให้ลึกๆถึงหน่วยราชการอื่นๆที่บังคับใช้กฎหมายเหมือนกันหรืออยู่ในกระบวนการยุติธรรมเหมือนกัน มีความผิดในลักษณะที่คล้ายกัน มักจะไม่ได้ยินข่าวว่าถูกให้ออกหรือถูกสำรองราชการไว้ก่อน ติดคุก มีหนักสุดเพียงย้ายพ้นหน้าที่ อย่างกรณี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาในหลายคดี หลบหนีขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช

     จากนั้นแป้ง นาโหนด ปล่อยคลิปถึง 3 คลิป แฉพฤติกรรมฉ้อฉลของบุคลากรในกระบวนยุติธรรม แต่ไร้ข่าวว่าสั่งลงโทษให้ออกหรือสำรองราชการ มีแค่สั่งย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่น กลับกันสื่อกระแสหลัก  สื่อโซเซียล รวมถึงอดีตตำรวจหิวแสง ออกมาขย้ำตำรวจแทบจะเสียทรงหรือกรณีจับบ่อนการพนันในพื้นที่ อ.เมือง จว.นครศรีธรรมราช ปรากฏว่าหัวหน้าโรงพักถูกเด้งเก็บกรุแถมถูกตั้งกรรมการสอบสวน แต่ปลัดอาวุโสรักษาการแทนนายอำเภอ กระทรวงมหาดไทย แค่สั่งย้ายไปเป็นปลัดอาวุโสอีกอำเภอหนึ่ง ไม่ถูกเก็บกรุแต่อย่างใด

หรือกรณีทหารก่อคดีอาชญากรรม จะได้รับการดูแลจากหน่วยงานในสังกัดอย่างดี มีมือกฎหมายคอยช่วยเหลือ แถมปรากฏข่าวผ่านสื่อเพียงแค่วันเดียวแล้วจางหายไป อาจจะเป็นเพราะสื่อเกรงกลัวอิทธิพลหรือไม่สุดจะคาดเดา
 
หรือกรณีข่าวแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงต่างๆอาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คมนาคม และกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น มักจะมีข่าวว่าตำแหน่งอธิบดีกรมต่างๆที่มากด้วยผลประโยชน์ กว่าจะได้ตำแหน่งมาต้องควักกันเป็นร้อยเป็นพันกิโลกรัม ก็ไม่ค่อยมีสื่อที่ไหนกล้าจะนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง แต่หากเกิดกับองค์กรตำรวจบรรดาสื่อและอดีตตำรวจหิวแสงรุมกันขย้ำแบบจมเขี้ยว ทั้งที่บางครั้งเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ที่ตำรวจใส่ร้ายกันเอง

  ครั้นมามองถึงบทลงโทษข้าราชการที่ทำผิดแต่ละกระทรวง แทบจะไม่ปรากฏข่าวว่าแต่ละปีถูกปลดออก ไล่ออกหรือสอบวินัยเลย

  ขณะที่ตำรวจกระทำความผิดจะมีคำสั่งลงโทษเป็นประจำทุกเดือน หากดูสถิติในรอบ 2 ปี 10 เดือน จะพบว่า   ปี 2564 ตำรวจถูกภาคทัณฑ์ 760 นาย ทัณฑกรรม 5 นาย กักยาม 528 นาย กักขัง 616 นาย ตัดเงินเดือน 3 นาย ปลดออก 76 นาย และไล่ออก  213 นาย(ตัวเลขไล่ออก รวมพวกติดคุก)รวม 2,201 นาย

   ปี 2565 ภาคทัณฑ์ 789 นาย ทัณฑกรรม 3 นาย กักยาม 450 นาย กักขัง 666 นาย ตัดเงินเดือน 9 นาย ปลดออก 88 นาย ไล่ออก 247 นาย รวม 2,252 นาย

  ปี 2566(มกราคม-ตุลาคม) ภาคทัณฑ์ 647 นาย ทัณฑกรรม 4 นาย กักยาม 229 นาย กักขัง 410 นาย ตัดเงินเดือน 1 นาย ปลดออก 50 นาย ไล่ออก 190 นาย รวม 1,531 นาย

  แค่ 2 ปี 10 เดือน ตำรวจที่ถูกลงทัณฑ์ตั้งแต่เบาไปหาหนัก รวมทั้งสิ้น 5,984 นาย ในจำนวนนี้ โดนโทษหนักคือไล่ออก ไม่ได้รับผลประโยชน์หรือสวัสดิการใดๆเลยมากถึง 479 นาย

      ดูจากตัวเลขจัดว่ามีจำนวนมาก หากเทียบกับข้าราชการหน่วยอื่นๆ เชื่อว่าตำรวจน่าจะถูกลงทัณฑ์มากที่สุด ผลการถูกลงทัณฑ์ไม่ได้กระทบเพียงแค่คนถูกลงทัณฑ์เท่านั้น ยังกระทบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวด้วย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเสาหลักของครอบครัวแทบทั้งสิ้น

    ตำรวจบางนายที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดแถมถูกสั่งให้ออกราชการหรือสำรองราชการไว้ก่อน เพื่อรอผลสอบสวน จะถูกสื่อหรือเกรียนคีบอร์ด ขย้ำอย่างเต็มที่ เมื่อผลสอบออกมาไม่ผิด แทบจะไม่มีสื่อหรือเกรียนคีบอร์ด แก้ข่าวให้แต่อย่างใดและตำรวจเองแทบจะไม่ฟ้องร้องเอาคืนแต่อย่างใด

    ผลแห่งการไม่ฟ้องเอาคืนอาจจะกลายเป็นช่องทางให้บรรดาพวกหิวแสงทั้งหลายพากันขยี้สร้างเรตติ้งให้กับตัวเอง โดยไม่ได้สนใจว่าจะทำลายตำรวจหรือองค์กรตำรวจแต่อย่างใด ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการลงทัณฑ์ของตำรวจ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เคยวางเฉยที่จะจัดการกับตำรวจนอกแถวแต่อย่างใด

         หากเทียบกับหน่วยงานราชการอื่นหรือองค์กรในกระบวนการยุติธรรมด้วยกัน ถือว่า”สำนักปทุมวัน“มีมาตรฐานทางปกครองที่สูงกว่าทุกหน่วยงานก็ว่าได้ จึงอยากให้บรรดาพวกหิวแสงทั้งหลายพึงสังวรไว้บ้าง หากพบว่าตำรวจถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอย่างเพิ่งขย้ำขยี้เพื่อสร้างเรตติ้ง ควรรอตรวจสอบฟังข้อมูลให้รอบด้านก่อน  อย่างน้อยจะช่วยถนอมน้ำใจตำรวจน้ำดีที่ตั้งใจบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนบ้างก็จะดี !!!