ประเด็น สด.43 ที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ได้รับมาเพื่อยืนยันว่าผ่านการเกณฑ์ทหารเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อโซเซียล และลามถึง นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือแบงค์ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล สุดหล่อขวัญใจด้อมส้ม ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองเดียวกับนายจิรัฏฐ์
ประเด็นของ นายจีรัฏฐ์ เขียนถึงเมื่อคราวที่แล้วว่าให้สัมภาษณ์รายการกรรมกรข่าว ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ตอบคำถามถึงการได้ สด.43 มาว่าได้รับอย่างถูกต้องมีนายทหารรับรองเอกสารถึง 5 นาย แต่ตอบด้วยอาการอ้ำๆอึ้งๆ แบบไม่ค่อยตรงไปตรงมานัก
ขณะที่ พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ให้สัมภาษณ์ในรายการเดียวกันตอบแบบหนักแน่นว่า ต้นขั้วของสด.43 มีชื่อนายนวรินทร์ ชื่อเดิมของนายจีรัฏฐ์ ยังอยู่ครบทั้ง 3 ท่อน
นายจีรัฏฐ์ ยังบอกว่าไม่ได้วิ่งเต้นเพราะที่บ้านไม่มีเส้นสายไม่ใช่นักการเมือง และระหว่างนั้นไม่มีเงินเพราะเพิ่งจบใหม่ๆ ดังนั้นการได้มาซึ่ง สด.43 ของนายจีรัฏฐ์ และนายศุภณัฐ เป็นอย่างไร มีการจับใบดำใบแดงหรือไม่ ยังไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจน
จึงขอข้อมูลที่เคยเขียนถึงนโยบายของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ใช้หัวข้อว่า”เลิกเกณฑ์=เลิกส่วย” มาบางตอน ระบุว่าในแวดวงสัสดีบอกว่า หากพรรคเพื่อไทยหรือก้าวไกล เป็นแกนนำรัฐบาล ประกาศยกเลิกเกณฑ์ทหารแล้วมาใช้สมัครใจแทน กองทัพอาจจะไม่ปลื้มนัก หากย้อนดูความเป็นจริงในช่วงที่ทางกองทัพประกาศเกณฑ์ทหาร
จะพบความเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่ไม่ต้องการให้ลูกชายไปเป็นทหารเกณฑ์ วิ่งเต้นเข้าหาผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เพื่อต่อสายไปถึงผู้มีอำนาจที่สามารถชี้เป็นชี้ตายไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร หรือเข้าตรวจเลือกแล้วไม่ถูกเลือก พร้อมได้หลักฐานว่าได้ผ่านเกณฑ์ทหารแล้ว
แม้ทางกองทัพจะประกาศว่าการเกณฑ์ทหารจะต้องตรงไปตรงมา ไม่มีการทุจริต ก็เป็นแค่ประกาศให้ดูดีเท่านั้น เพราะเมื่อถึงเวลาจริงๆมักมีเสียงนินทาให้ได้ยินเสมอว่าถ้าจังหวัดไหนหรืออำเภอไหนที่เศรษฐกิจดี ชาวบ้านอยู่ดีกินดี ราคาจะพุ่งตามไปด้วย อาจจะอยู่ที่หลักหลายหมื่นถึงหลักแสน ถ้าเป็นพื้นที่ที่เศรษฐกิจปานกลางถึงไม่ค่อยดีก็จะยังอยู่ในหลักหมื่น
แวดวงของสัสดีจะทราบกันเป็นอย่างดีว่า หากนายตัวเองมีอำนาจจะสามารถเลือกพื้นที่ทำเลทองได้และผลประโยชน์ที่ได้รับจะกระจายขึ้นไปเป็นลำดับชั้น เมื่อหมดวาระการเกณฑ์ทหารในแต่ละปี จะมีเสียงครหาในแวดดวงทหารว่าพื้นนี้เข้าเป้า บางพื้นที่ไม่เข้าเป้าเพราะมีคนแห่สมัคร ข่าวลักษณะนี้ชาวบ้านเกือบทุกหัวระแหงต่างทราบกันดีว่าถ้านโยบายเลิกเกณฑ์ทหารถูกยกจริงคำว่า”เลิกเกณฑ์เท่ากับเลิกส่วย” คงไม่เกินจริง
นี่คือข้อเท็จจริงที่คนในแวดวงทหารที่เกี่ยวข้องกับการเกณฑ์ทหารเล่าให้ฟัง และยังขยายความอีกว่าถ้าชายไทยคนไหนหนีทหารแล้วถูกจับไปขึ้นศาล ทางศาลจะสั่งลงโทษด้วยการรอลงอาญาไม่มีโทษปรับแต่อย่างใด เมื่อกลับมาจากศาล ทางเจ้าหน้าที่จะถามว่าจะรับใบสด.43 ไหม ถ้ารับจะมีราคาที่ต้องจ่ายและไม่ต้องถามถึงที่มาของใบ สด.43 เพราะจะไม่มีในสาระบบ
ดังนั้นเมื่อพรรคก้าวไกล ได้ชื่อว่าเป็นพรรคที่เดินหน้าทำความจริงให้ปรากฏในทุกมิติ รวมถึงเดินหน้าจะดึงธุรกิจของกองทัพ ออกมาขึ้นตรงกับรัฐบาล ลองจัดการรื้อระบบการออกสด.43 ออกมาให้สังคมได้รับทราบว่า การออก สด.43 มีแบบจริงหรือแบบปลอมหรือไม่ โดยเคลื่อนไหวผ่านคณะกรรมาธิการการทหาร ที่นายวิโรจน์ ลักขณาอิศร ส.ส.บัญชีราชชื่อพรรคก้าวไกล เป็นประธาน
ถ้านายวิโรจน์ มุ่งที่จะจัดการจริงๆไม่ต้องหาหลักฐานเพิ่มมากหนัก เพียงแต่จับเอากรณีนายจีรัฏฐ์และนายศุภณัฐ เป็นสารตั้งต้น นำ สด.43 ของทั้งสองไปตรวจพิสูจน์ เชื่อว่า พล.ท.ทวีพูล ที่ถือต้นขั้วอยู่คงให้ข้อมูลได้เป็นอย่างดี
จากนั้น กมธ.ทหารเชิญนายทหารที่นายจีรัฏฐ์ บอกว่าได้เซ็นรับรองให้มาให้ข้อมูลว่าเอกสารที่เช็นรับรองนั้นมาจากไหนเซ็นจริงหรือไม่ เพราะ
พล.ท.ทวีพูล ยืนยันว่า สด.43 ของนายนวรินทร์ ชื่อเดิมของนายจีรัฎฐ์ยังอยู่ครบทั้ง 3 ท่อน หรือกรณีของนายศุภณัฐ หาข้อมูลได้ไม่อยากเพราะในโซเซียลชี้ช่องไว้แล้ว
จึงได้แต่หวังว่าประธาน กมธ.ทหาร จะทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็วและเชื่อว่าไม่จบอย่างซูเอี๋ย เพราะถ้าจบแบบซูเอี๋ยหรือปล่อยให้เรื่องเงียบไปกับกาลเวลา
จะสะท้อนว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจต่างๆของกองทัพที่พรรคก้าวไกล เป็นตัวจักรสำคัญในการผลักดัน เป็นเพียงแค่การสร้างภาพให้ดูดีเท่านั้น !!!