ลั่น.!!!หากอยู่เมืองไทยทำผิดกฏหมาย จัดหนัก ขยายผลใครเอี่ยวเอาหมด
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ที่ บช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม ได้ร่วมแถลงว่า ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมือง โดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ภายใต้การอำนวยการของ ตน พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
(1) สตม.จับหนุ่มเมืองผู้ดีหื่น ก่อคดีพรากผู้เยาว์ไปกระทำอนาจาร
บก.สส.สตม. จับกุมนายไทเลอร์ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี สัญชาติอังกฤษ ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.21/2567 ลงวันที่ 12 มกราคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกิน สิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุสมควรเพื่อการอนาจาร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมพื้นที่ ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่
พฤติการณ์จับกุม ในระหว่างปี พ.ศ.2557 – 2558 นายไทเลอร์ ผู้ต้องหา ได้เดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และได้ไปเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ในระหว่างที่เป็นครูนั้นนายไทเลอร์ ได้ก่อเหตุพาเด็กนักเรียนหญิงต่างชาติ อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติแห่งนั้นไปกระทำอนาจารที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2557 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2558 เวลากลางคืน เมื่อผู้ปกครองของเด็กหญิงและทางโรงเรียนทราบเรื่อง ทางโรงเรียนจึงได้สอบสวนและได้ยกเลิกสัญญาจ้างการเป็นครูของนายไทเลอร์ ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีทางผู้ปกครองของเด็กหญิงขอให้บุตรสาวของตนได้เรียนหนังสือในประเทศไทยให้จบก่อน เมื่อบุตรสาวเรียนจบ ผู้ปกครองจึงได้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายไทเลอร์ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับนายไทเลอร์ ซึ่งศาลจังหวัดภูเก็ตได้ออกหมายจับที่ จ.21/2567 ลงวันที่ 12 มกราคม 2567 ให้จับกุมนายไทเลอร์ ในความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุสมควรเพื่อการอนาจาร
หลังจากที่ตรวจพบว่านายไทเลอร์เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับกระทำความผิดฐานดังกล่าว พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. จึงได้สั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามจับกุมนายไทเลอร์ จากการสืบสวนทราบว่า หลังจากก่อเหตุ นายไทเลอร์ได้ไปพักอาศัยอยู่กับภรรยาซึ่งเป็นหญิงไทยที่บ้านหลังหนึ่งในย่าน ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 เป็นต้นมา จึงได้จัดกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์เพื่อสืบสวนติดตามจับกุม เมื่อพบนายไทเลอร์ จึงได้แสดงหมายจับและจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
(2) สตม.ขยายผล รวบผู้สั่งการเครือข่ายขบวนการลักลอบขนบังกลาเทศข้ามแดนผิดกฎหมาย
กก.สส.บก.ตม.3 ร่วมกับ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และ สภ.ห้วยยาง จับกุม นายประยน (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.8/2567 ลงวันที่ 15 มกราคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวรอดพ้นจากการจับกุม” นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จว.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับ บริเวณหน้าบ้าน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ
พฤติการณ์จับกุม สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้สนธิกำลังจับกุม นายสุริน (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี สัญชาติไทย ในความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวรอดพ้นจากการจับกุม” และจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติบังกลาเทศ จำนวน 30 คน ในความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว ต่อเติมหลังคาขนส่งตู้ทึบ จำนวน 1 คัน นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จว.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาจากการที่ กก.3 บก.สส.สตม. ได้ร่วมกับ ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ทำการสืบสวนขยายผลขบวนการ เครือข่ายที่เกี่ยวข้องพบว่า นายประยน มีส่วนร่วมในขบวนการ ขนคนต่างด้าวข้ามแดนในคดีดังกล่าว โดยทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จว.ประจวบคีรีขันธ์
จึงได้ ขออนุมัติต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ออกหมายจับนายประยน ในความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวรอดพ้นจากการจับกุม” จากนั้น กก.สส.บก.ตม.3 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายประยน ได้ไปพักอาศัยอยู่ในเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ จึงได้วางแผนเฝ้าติดตามจับกุม จนกระทั่งพบนายประยน ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก จึงเข้าแสดงตัวทำการจับกุม จากการสืบสวนขยายผล พบแชทการพูดคุยในเรื่องจำนวนคนต่างด้าวและเส้นทางการขนคนต่างด้าว
โดยนายประยน รับว่า ในช่วงแรกตนได้เปิดบริษัทขนส่ง มีรถกระบะขนส่ง (ตู้ทึบ) เพื่อวิ่งส่งของ แต่ภายหลังเห็นว่าถ้ามารับวิ่งงานสีเทาจะได้ค่าจ้างมากกว่าวิ่งส่งของมาก จึงหันมารับงานขนคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ซึ่งจะได้ค่าจ้างรายละประมาณ 2,500 บาท โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วตนเองจะได้รับอยู่ที่ประมาณหัวละ 1,500 บาท โดยในคดีที่ถูกจับครั้งนี้ได้ส่งต่องานให้นายสุรินฯ เป็นผู้ขับรถขนส่ง คนต่างด้าว จนถูกจับกุมเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และรถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว ที่ถูกตรวจยึดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 ผู้ครอบครองเป็นญาติของตนเอง โดยก่อนหน้านี้ตนเองเคยถูกจับในความผิดมียาเสพติดอยู่ภายในรถขนส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 จึงนำตัว นายประยน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จว.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
(3) สตม. รวบหนุ่มซีเรียสุดแสบลอบอยู่เกินกว่า 6 ปี ขุดประวัติย้อนหลังพบคดีอุกฉกรรจ์เพียบ! ขยายผลจับหญิงชาวอียิปต์ OVERSTAY
กก.สืบสวน.บก.ตม.1 จับกุมนายอัดนัน (นามสมมติ) อายุ 43 ปี สัญชาติซีเรีย และนางสาวซาบีร์ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติอียิปต์ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับ โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
พฤติการณ์จับกุม กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับข้อมูลจากสายข่าวในพื้นที่ว่าที่บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ มีคนต่างด้าวคล้ายชาวอาหรับ มักจะเดินเตร็ดเตร่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อไปถึงได้ทำการเฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งพบบุคคลเป้าหมายเข้าพักที่ห้อง ของโรงแรมดังกล่าว จึงได้ติดต่อผู้จัดการโรงแรมขอเข้าตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเคาะห้อง นางสาวซาบีร์ (นามสมมติ) ได้เปิดประตูเมื่อพบเจ้าหน้าที่ มีอาการตกใจและพยายามจะหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว และขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง ในเบื้องต้นนางสาวซาบีร์ไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ดูได้ แต่จากการตรวจสอบกล่องพัสดุภายในห้องจึงทราบชื่อนางสาวซาบีร์ และเมื่อตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนางสาวซาบีร์ สิ้นสุดแล้วเป็นเวลา 1,526 วัน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งที่อยู่ด้านล่างโรงแรมสังเกตเห็นชายลักษณะคล้ายชาวอาหรับมายืนสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ มีท่าทีพิรุธ จึงได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางผลการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวคือนายอัดนัน (นามสมมติ) ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้ว เป็นเวลา 2,451 วัน นอกจากนี้จากการสืบสวนเชิงลึกยังพบว่านายอัดนันฯ คือบุคคลซึ่งเคยถูกจับกุมในคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และค้าประเวณีหญิงสาวชาว Morocco โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อปี พ.ศ.2560 และยังเป็นบุคคลที่เคยถูกออกหมายจับในคดีร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน และคดีทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ในพื้นที่นานาและสุขุมวิท รวมหลายคดี ซึ่งคดีดังกล่าวบางคดีอยู่ในระหว่างรอนัดสืบพยานจากศาล อย่างไรก็ตามตรวจสอบในเบื้องต้นไม่พบว่านายอัดนันได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราเพื่อต่อสู้คดีแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ทั้งสองคนว่าเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และควบคุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบข้อมูลการติดต่อกันระหว่างนายอัดนันกับนางสาวซาบีร์ รวมถึงหญิงชาวไทยอีกรายหนึ่ง เชื่อว่าทั้งหมดมีความเชื่อมโยง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลต่อไปว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นความผิดในฐานอื่น ๆ อีกหรือไม่
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง “พล.ต.ต.พันธนะ” กล่าว