“ศรัทธา ตร.ดิ่งเหว เร่งกู้ภาพลักษณ์”

1701

”ออกตรวจเยี่ยม อย่าปลื้มบริการ-รับฟังปัญหา-ต้องจริงใจช่วยแก้ไข ตำรวจโรงพักร้องยี้  เลิกเหอะ..!!! นายพลระดับ ตร.ตรวจเยี่ยม ต้องรับรองเลี้ยงดูปูเสื่อ“

           ก้าวสู่ปีใหม่ไม่ทันข้ามเดือน ตำรวจโรงพักอรัญประเทศ จ.สระแก้ว สร้างวีรกรรมฉุดภาพลักษณ์องค์กรตำรวจที่ติดลบในสายตาชาวบ้านให้ติดลบไปอีก
           คงเป็นเพราะต้องการปิดคดีฆ่าน.ส.บัวผันให้รวดเร็วหรือเพียงเพื่อเร่งปิดคดีหวังช่วยลูกตำรวจที่ร่วมก่อเหตุด้วยการจับนายปัญญาหรือลุงเปี๊ยก สามีผู้ตาย จนกลับตาลปัตรกลายเป็นจับแพะ

           นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถึงขั้นแสดงอาการไม่ปลื้ม ส่งผลให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)รีบบินด่วนลงพื้นที่เพื่อเคลียร์ปัญหา ผลคดีจะจบแบบไหน คงต้องติดตาม

             ผลแห่งคดีนี้สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารจัดการในระบบโรงพักล้มเหลว ถ้ามองอย่างวิเคราะห์สาเหตุหลักน่าจะมาจากการปล่อยปละละเลยของผู้บริหารองค์กรตำรวจเกือบทุกระดับตั้งแต่ระดับ ตร.ยันหัวหน้าโรงพัก

          ปัจจัยสำคัญแห่งความล้มเหลว ส่วนหนึ่งมาจากการแต่งตั้งโยกย้ายที่เน้นระบบวิ่งเต้น เจือสมด้วยปัจจัย ส่งผลให้ตำรวจที่มีศักยภาพในการหาประโยชน์ผงาดเหนือตำรวจที่มุ่งทำผลงาน เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน

          ในแวดวงสีกากีระดับโรงพักต่างทราบกันดีว่าเมื่อเปลี่ยนหัวหน้าโรงพักคนใหม่ วันแรกที่รับตำแหน่งหัวหน้าโรงพักส่วนใหญ่จะถามว่าผลประโยชน์จัดสรรกันอย่างไร รายได้นอกระบบแต่ละเดือนมาจากไหนบ้าง ธุรกิจสีเทาหรือเทาหนักไปทางดำมีกี่แห่ง เมื่อได้ข้อมูลแล้วจะนำมาประเมินดูว่าจะเพิ่มราคาไหมถ้าเพิ่มจะเท่าไหร่ หากหัวเบี้ยหรือแม่บ้านที่ล้วนเพราะมีราคาที่ต้องจ่าย จึงต้องเร่งถอนทุน

      ทั้งที่ในความเป็นจริงรับตำแหน่งหัวหน้าโรงพักวันแรกประเด็นที่น่าจะให้ความสนใจมากที่สุดคือระบบงาน อาทิ สายตรวจมีกี่ชุด งบน้ำมันสายตรวจมีเพียงพอไหม อาชญากรรมประเภทไหนที่ชาวบ้านต้องผจญหนักสุด คดีค้างเก่า หมายจับค้างเก่า มีกี่คดีต้องเร่งสะสาง และตำรวจในโรงพักมีความเป็นอยู่อย่างไรที่พักเพียงพอหรือไม่ เป็นต้น

   แต่คำถามเหล่านี้ได้จางหายไปจากความรู้สึกของหัวหน้าโรงพักส่วนใหญ่ไปนานแล้ว เพราะผู้บังคับบัญชาส่วนใหญ่มุ่งเน้นเอาผลประโยชน์จากผู้ใต้บังคับบัญชาหรือหัวหน้าโรงพักมากกว่าเนื้องาน

    ขณะที่ในระดับผู้บริหารสำนักสีกากี รวมถึงฝ่ายตรวจสอบอย่างจเรตำรวจ ช่วงไปตรวจเยี่ยมมักมีเสียงนินทาว่าชมชอบบริการมากกว่าจะไปรับฟังปัญหาและช่วยหาแนวทางแก้ไข

    หัวหน้าโรงพักนายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า วันดีคืนดีระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.คุมพื้นที่แจ้งว่าจะไปตรวจเยี่ยมสัก 2-3 วัน จัดหาที่พักดูดีมีราคา ร้านอาหารเจ้าดังในพื้นที่ไว้รองรับด้วย เมื่อถึงเวลา มาแค่ลงบันทึกตรวจเยี่ยมทักทายตำรวจในโรงพักไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กลับไปพักผ่อนรอให้หัวหน้าโรงพักไปเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงดูปูเสื่อ ขากลับมีปัจจัยติดปลายนวมอีกต่างหาก

  “หากพื้นที่ไหนมีสนามกอล์ฟ ต้องจัดเตรียมไว้รองรับด้วย บางนายชวนพรรคพวกมาร่วมก๊วน หัวหน้าหน้าโรงพักต้องควักจ่าย ทั้งหมด ผู้บังคับบัญชาการส่วนใหญ่อ้างตรวจเยี่ยมบังหน้าแต่หนักไปทางพักผ่อนแถมมีปัจจัยติดไปด้วยจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ”หัวหน้าโรงพักระบุและว่า ผู้บังคับบัญชาที่จะมาตรวจเยี่ยมพร้อมรับฟังปัญหาการทำงานว่าขาดเหลืออะไรที่ส่วนกลางจะสนับสนุนได้บ้างแทบจะไม่มีแล้ว ทั้งที่การตรวจเยี่ยมแต่ละครั้งใช้งบหลวงทั้งสิ้น

  พฤติกรรมเหล่านี้ผู้บังคับการจังหวัดฯ หัวหน้าโรงพัก ต่างคุ้นชินไม่ว่าจะเป็นบิ๊กตำรวจระดับบริหารหรือจเรตำรวจหรือหน่วยอื่นที่มีหน้าที่ตรวจสอบ เพราะส่วนใหญ่มีพฤติกรรมทำนองเดียวกัน

  หากไม่สนองตอบความต้องการดังกล่าว โรงพักหรือกองบังคับการจะเต็มไปด้วยข้อตำหนิ ที่มาพร้อมกับอาการที่ไม่พอใจอย่างรุนแรง

      ดังนั้นจึงได้แต่หวังว่าบิ๊กตำรวจระดับบริหารทุกนาย ช่วยกันระดมมันสมองถกแนวทางการบริหารงานภายในองค์กรตำรวจเสียใหม่ ให้เดินไปแนวทางที่ควรจะเป็น ไม่ใช่เดินสายตรวจเยี่ยมเพียงเพื่อสร้างภาพแล้วรับปัจจัยกลับมา

  หากจะไปตรวจเยี่ยมกันจริงๆควรไปแบบเปิดใจรับฟังปัญหาพร้อมหาแนวทางแก้ไข สนับสนุนให้ตำรวจทำงานเชิงรุก และระหว่างเยี่ยมถ้ามีค้างคืนควรยกเลิกระบบที่ตำรวจท้องที่ควักจ่ายได้แล้ว

     หากทำได้จริงรับรองว่าเหตุการณ์อื้อฉาวแบบโรงพักอรัญประเทศ ไม่เกิดขึ้นแน่นอน ไม่เชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่เหลือเวลาบนเก้าอี้เจ้าสำนักฯ 200 กว่าวัน ต้องกำชับไอ้พวกนายพลระดับ ตร. ลงตรวจพื้นที่ลองทำดู เพื่อฝากผลงานให้ชาวสีกากีได้กล่าวขานถึง  วันที่ลงจากตำแหน่งจะมีตำรวจระดับโรงพักทั่วแระเทศจะมีแต่อาการปลื้มมากกว่าอาการยี้แน่นอน !!!