“รมต.ทวี” นำ ป.ป.ส. ตรวจเรือถูกทิ้งกลางทะเล หลังพบเชื่อมโยงคดีเรือบรรทุกยาเสพติด 2 ตันที่ฉะเชิงเทรา สั่งขยายผลผู้สั่งการกัปตันเรือผันตัวส่งยาเสพติด
วันที่ 21 มกราคม 2567 ณ ท่าเรือหลังวัดช่องลม จ.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้แทนจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการสุนัขตำรวจ (k9) สถานีตำรวจน้ำ 4 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจตรวจเรือ ศร.ชล.สมุทรสาคร กองทัพเรือ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบเรือปวันรัตน์ ที.เค. หลังพบความเกี่ยวข้องและมีผู้เช่ารายเดียวกับคดีจับกุม ไอซ์ 999 กก. คีตามีน 1.2 ตัน ภายในเรือเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ที่ จ.ฉะเชิงเทรา
พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง กล่าวว่า การตรวจสอบ เรือปวันรัตน์ ที.เค. เป็นผลสืบเนื่องจาก คดีวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมไอซ์ 999 กิโลกรัม คีตามีน 1.2 ตัน ซุกซ่อนภายในเรือศรีมงคลทรัพย์ ที่บริเวณท่าเรือในพื้นที่ ต.บางประกง อ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา และจากการสืบสวนวขยายผลทราบว่า นายชาญชัย หรือกัปตันตุ้ย (เป็นผู้สั่งการ) ได้ดำเนินการเช่าเรือศรีมงคลทรัพย์ในการลำเลียงยาเสพติด โดยพบว่าเคยมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปส่งในน่านน้ำสากลมาแล้ว จำนวน 7 ครั้ง (ในช่วงเดือน มิถุนายน – ธันวาคม 2566) เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ นายชาญชัย หรือกัปตันตุ้ย กับพวกรวม 4 คน และต่อมาในห้วงวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2566 บช.ปส. ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น เพื่อตรวจยึดทรัพย์สินบุคคลตามหมายจับ จำนวน 10 จุด ผลปฏิบัติการจับกุมบุคคลตามหมายจับ 2 คน ตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 140 ล้านบาท ส่วน นายชาญชัย หรือกัปตันตุ้ย (ผู้สั่งการ) ยังหลบหนี
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากคดีการจับกุมยาเสพติดบนเรือศรีมงคลทรัพย์ดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ส. ได้สืบทราบข้อมูลว่า นายชาญชัย หรือกัปตันตุ้ย เป็นผู้เช่าเรือศรีมงคลทรัพย์จากทางบริษัทแห่งหนึ่ง และมีการเช่าเรือจากทางบริษัทอีก 1 ลำ ซึ่งปัจจุบันเรือลำดังกล่าวได้หายไป ชื่อ “เรือปวันรัตน์ ที.เค.” โดย สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล กองทัพเรือ ตรวจสอบพบว่า “เรือปวันรัตน์ ที.เค.” ถูกจอดทิ้งไว้กลางทะเล จึงดำเนินการนำเรือลำดังกล่าวกลับเข้าฝั่งเพื่อดำเนินการตรวจสอบ
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า จากข้อมูลการสืบสวนยังพบว่า นายชาญชัย หรือกัปตันตุ้ย มีความเกี่ยวข้องในคดีวันที่ 31พฤษภาคม 2566 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (SEAL) และกองบัญชาการกองทัพไทย จับกุมผู้ต้องหา 6 คน พร้อมไอซ์ 909 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ บริเวณกลางทะเลอ่าวไทย ทางทิศใต้ของเกาะเสม็ด อ.แกลง จ.ระยอง ด้วยเช่นกัน (ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย)
และกล่าวต่อไปว่า ในห้วงปี 2565 – 2566 พบคดีการจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดยาเสพติด ที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านการขนส่งทางเรือ จำนวน 5 คดี ผู้ต้องหา 20 คน ของกลาง ไอซ์ 3,505 กิโลกรัม คีตามีน 2,138 กิโลกรัม ยาบ้า 203,000 เม็ด โดยกลุ่มขบวนการจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยใช้รถยนต์กระบะหรือรถยนต์ตู้บรรทุกยาเสพติดมาลงเรือที่ท่าเรือ จากนั้นจะไปส่งให้กับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ที่บริเวณน่านน้ำสากล เพื่อลำเลียงต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ได้แก่ มาเลเซีย ไต้หวัน ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เป็นต้น
จากข้อมูลการจับกุมที่ผ่านมาพบว่า ขบวนการลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวใช้การขนส่งทางเรือ เนื่องจากสามารถลำเลียงยาเสพติดได้ครั้งละปริมาณมาก ๆ เพื่อส่งไปยังปลายทั้งปลายเทศที่สาม อีกทั้งยากต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะบูรณาการความร่วมมือทางการข่าวกับหน่วยงานภาคีเพื่อขยายผลในคดีนี้ รวมถึงนำผู้สั่งการมาดำเนินดีต่อไป โดยเป็นนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมมืออย่างจริงจัง และกำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ โดยในด้านการปราบปรามยาเสพติด ต้องยกระดับในการทำลายโครงสร้างเครือข่าย กลุ่มการค้ายาเสพติด ด้วยการดำเนินการทางทรัพย์สินให้ถึงระดับผู้สั่งการที่อยู่เบื้องหลัง
