“ชาติน่าห่วง”รัฐบาลต้องสร้างเกราะป้องกัน แก้ตั้งแต่นี้ ก่อนที่ถูกบลูลี่ ทำให้สังคมในวิถีพุทธแท้ ศาสนาวิบัติ

860

ถ้าจะให้พูดถึงเอกลักษณ์หนึ่งของคนในชาติ(บางส่วน) ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ข่าวนะหน้าทอง(ด้วยวิธีประหลาดๆ) ข่าววิวาทะอดีตพระกับหมอดูด่ากราดกันเรื่องการแก้ชง เกิดขึ้นพร้อมๆกัน พร้อมกับคำถามที่ว่าตกลงแล้วการศึกษาจะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนได้หรือไม่ ศาสนาจะเป็นที่เหนี่ยวรั้งจิตใจได้หรือไม่



“การทำบุญ” ในมิติของศาสนาเป็นหนึ่งในการกระทำเพื่อความสบายใจ และหลักคิดง่ายๆในศาสนาพุทธอย่างทำความดีละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใสเป็นอะไรที่คลาสสิคทั้งในแง่ศาสนาและจริงๆรวมไปถึงหน้าที่พลเมือง เพราะคงไม่มีอะไรลบล้างสิ่งที่ทำไปได้แล้วทั้งนั้น นอกจากบุคลนั้นตั้งใจพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำความดีและพยายามครองตนไม่ทำชั่วไม่เบียดเบียนใครไม่ก่อกรรมเพิ่ม

ทุกคนกำลังก้าวสู่ในยุคที่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า AI จะกลายมาเป็นปัจจัยหลักอีกสิ่งในการดำรงชีวิตของมนุษย์ วิวัฒนาการของโลก วิทยาการ นวัตกรรมเขาวิจัยกันไปถึงนอกโลก แต่ยังมีประชาชนบางส่วนเชื่อในเรื่องการทำพิธีด้วยการแก้ผ้าให้ใครสักคนที่ตั้งตนเป็นอาจารย์มาเป่า มากระทำการตามพิธีที่อ้าง อย่างคลิปที่ปรากฎให้เห็น เป็นอะไรที่น่าตกใจไม่น้อยและชวนให้ตั้งคำถามถึงวิจารณญาณในการดำรงชีพอย่างมากว่า อะไรไปดลใจทำให้ประชาชนที่ศรัทธา(เกิน)แรงกล้าเหล่านี้มีใจ ตั้งจิต คิดว่านี่คือทางออกที่ดีและมีความน่าศรัทธาไปได้ขนาดนี้

ไม่ว่าจะปีชง ไม่ว่าจะนะหน้าก้น หน้าอวัยะ ใดๆ อีกปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอดตามหน้าสื่อคือมีคนในศาสนาสวมจีวรอาศัยคราบสงฆ์ ไปมีข่าวเกี่ยวกับคุกคามทางเพศตลอดทุกเดือนๆ จนเสมือนเป็นเรื่องปกติหรือการกราบไหว้สิ่งประหลด การไปกินดื่มน้ำสีแปลกๆเพื่อขอให้โชคเข้าข้าง (ที่ต่อมาถูกพิสูจน์ว่าเป็นบ่อส้วม) เป็นสิ่งที่ชวนคิดว่าอนาคตของขาติจะน่าเป็นห่วงหรือไม่? ถือโอกาสสวัสดีท่าน ”ครุ่นคิด“อยากจะชี้ว่าถ้าการเมืองเราดี ถ้าศาสนาเราช่วยขัดเกลาคนอย่างมีสติ พาไปสู่ทางสว่าง สะอาด และสงบได้ คงจะพอทุเลาปัญหาอะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย

ไม่ต้องคอยระวังว่าสักวันเราจะเจอลูกหลานถูกมารศาสนาหลอก หรือคนจนปัญญาไปก่อเหตุโศกนาฎกรรม ถ้ารากฐานปัญหาทางการศึกษาและสังคม ไม่ถูกเหลียวแลอย่างจริงจังและใส่ใจ

คนที่อาสาเข้าไปทำงานทางการเมือง ก็คงพินิจถึงคะแนนนิยมและหนทางในทางการเมือง ไม่ว่าจะเปลี่ยนมือรัฐบาลไปกี่หน ทุกคนยังคงชี้ว่าการศึกษาน่าห่วง แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรสักอย่างด้วยความจริงใจไม่รู้เริ่มวันไหน เริ่มกี่โมง คะแนน PISA ที่ตกต่ำลงเรื่อยๆเด็กที่ไม่เกิดใหม่คนไม่เยากมีลูก คนสูงอายุที่จะไม่ใช่วัยทำงานจะบวมขึ้นเป็นฐานพีรามิดหัวกลับ เด็กที่พอมีหนทางก็อยากย้ายไปเยู่ต่างประเทศ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเกี่ยวพันและเดินไปสู่แดนอันตรายอย่างมาก หากไม่เริ่มตั้งแต่นาทีนี้จะไม่มีอะไรที่ทันท่วงที นี่คือเรื่องที่ใหญ่มาก และไม่มั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะมีความตั้งใจในการดูแลจัดการทุกปัญหาอย่างจริงจังได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่

เริ่มต้นด้วยวันเด็ก ห่วงใยเรื่องข่าวคราวที่พึ่งจิตใจคนในสังคม ตลอดจนชี้ว่าไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ผู้เขียนคงไม่ได้มองโลกแง่ร้ายเกินไป หวังว่าผู้อ่านจะร่วมด้วยช่วยกันให้สิ่งที่ยังเติร์ดขีดเขียนขึ้นนั้นไม่น่ากลัว และมีการเมืองที่ดี มีบุคลากรที่มีคุณภาพ เข้ามาสร้างหนทางแห่งความหวังและอนาคตของชาติ อนาคตของเด็กไทยได้สดใสและกลายเป็นประเทศที่น่าอยู่ด้วยเถิด!