สตม.โชว์ผลงานชิ้นโบว์แดงจับหนุ่มโสมขาวรอบขนยาเคกลับประเทศ พบมีหมายแดงติดตัวทางการเกาหลี ต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีมากที่สุด เพราะปัญหายาเสพติดถือเป็นภัยร้ายแรงของเกาหลี – อีกคดี รวบหนุ่มภารตะจนมุม ตำรวจ ตม. 3 รวบได้หลังตระเวนปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดวันละ 150 ต่อวัน ย่านนนทบุรี พบอยู่อย่างผิดกฎหมายในไทย กว่า 2,000 วัน
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., ร่วมแถลงว่า พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ได้สั่งการให้เร่งปปฎิบัติ ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงศ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
(1) สตม.จับโสมขาวราชายาเสพติด “แก๊งเอกมัย” OVERSTAY พ่วงคดีครอบครองและเสพยาเสพติด
บก.สส.สตม. จับกุมนายลี (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ พร้อมด้วยของกลางวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบดึงเปิดกดปิด น้ำหนักรวม 3.67 กรัม โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด, ครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยผิดกฎหมาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าวข้างต้น พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัด สตม. เร่งดำเนินการสืบสวนปราบปรามจับกุมคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยเกินกำหนดอนุญาต (OVERSTAY) และคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สส.สตม. ทราบว่า นายลี ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา ประเภท ผ.ผ.90 วันครบกำหนดอนุญาตวันที่ 30 ก.ค.2565 การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้ว และยังมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในย่านแขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงได้ ขอหมายค้นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้เข้าทำการตรวจค้นห้องในคอนโดมิเนียมดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในห้องพักพบนายลีและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบดึงเปิดกดปิด น้ำหนักรวม 3.67 กรัม วางบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ จากนั้นได้เชิญตัวนายลีไปยังโรงพยาบาลตากสินเพื่อตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ผลการตรวจเป็นบวก โดยนายลีไม่ประสงค์จะเข้ารับการบำบัด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมนายลี ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว พร้อมทั้งได้ตรวจยึดสิ่งของและเอกสารที่น่าเชื่อว่ามีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิดหรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิด ได้แก่ โน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ บัตรเดบิต สมุดคู่ฝากธนาคาร และอื่น ๆ รวมจำนวน 26 รายการ
อนึ่ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ประสานงานสอบถามเจ้าหน้าที่สืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้รับแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นทางการเกาหลีใต้ได้จับกุมสมาชิก 23 คนขององค์กรลักลอบขนยาเสพติดที่เรียกว่า “แก๊งเอกมัย” ที่ดำเนินงานผ่านศูนย์กลางในประเทศไทย และได้จับกุมผู้จำหน่ายและผู้ใช้ยาเสพติด 3 ราย รวมเป็น 27 ราย โดย”แก๊งเอกมัย” มีนายลี เป็นผู้บงการขนยาเสพติดดังกล่าว นอกจากนี้ นายลี ยังเป็นบุคคลที่องค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL Red Notice) และทางการเกาหลีใต้ต้องการตัวไปดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
(2) สตม.ขยายผลบุกจับชาวอินเดียลอบปล่อยเงินกู้ร้อยละ 25 ต่อเดือน
ตามนโยบายของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้หน่วย ในสังกัด สตม. ดำเนินการปราบปรามกลุ่มคนต่างด้าวที่พฤติการณ์เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รับผิดชอบกลุ่มเงินกู้นอกระบบ และ กลุ่มขบวนการเครือข่ายลักลอบขนคนต่างด้าว โดยให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมคนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักร
ตม.จว.นนทบุรี ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.สมเกียรติ สนใจ ผกก.ตม.จว.นนทบุรี, พ.ต.ท.เศรษฐพงศ์ ชูเมือง รอง ผกก.ตม.จว.นนทบุรี ได้สั่งการให้ติดตาม สืบสวนจับกุมกลุ่มชาวอินเดียต่างด้าวที่มีการปล่อยเงินกู้เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดย พ.ต.ต.ภาคย์ ศรีวนิชย์ สว.ตม.จว.นนทบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.นนทบุรี ได้สืบสวนติดตามจนทราบว่า พฤติการณ์ของกลุ่มชาวอินเดียปล่อยเงินกู้จะขับขี่รถจักรยานยนต์ ตะเวนไปตามตลาดร้านค้า แล้วเข้าพูดคุยติดต่อเสนอเงินให้กู้ยืม พร้อมคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา มีเงื่อนไขให้ผู้ที่กู้เงินต้องส่งดอกเบี้ยเงินสดรายวัน จึงได้ติดตามและพบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ และติดตามมาถึงที่หอพักที่ชายอินเดียเข้าพักอาศัย พบเห็นรถจักรยานยนต์เป้าหมายจอดหน้าตึก จึงเฝ้า ซุ่มดูพบเห็นและทำการจับกุมตัว Mr.A (นามสมุติ) อายุ 39 ปี สัญชาติ อินเดีย และดำเนินคดีในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการสิ้นสุด (OVERSTAY 2,366 วัน) ซึ่งพบว่าพฤติการณ์ของชายชาวอินเดียผู้ถูกจับ ซึ่งอยู่เกินกำหนดเป็นระยะเวลากว่า 6 ปี น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแขกปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง จากนั้นได้ขยายผลเพื่อหากลุ่มขบวนการอินเดียปล่อยเงินกู้ดังกล่าว ซึ่งต่อมาพบผู้เสียหายเป็นหญิงชาวไทย ประกอบอาชีพแม่ค้าขายของในตลาด ได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่าได้มีการกู้ยืมเงินกับชายต่างด้าวสัญชาติอินเดีย จำนวนยอดเงิน 3,000 บาท ไม่มีเอกสารการทำหลักฐานการกู้ยืมเงิน โดยตกลงชำระหนี้รายวัน วันละ 150 บาท เป็นจำนวน 24 วันต่อเนื่องกัน รวมต้องจ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย รวม 3,600 บาท คิดเป็น ร้อยละ 20 ต่อ 24 วัน (ร้อยละ 25 ต่อเดือน หรือ ร้อยละ 300 ต่อปี) และ ตกลงกู้เงินได้มีการหักดอกเบี้ยล่วงหน้า และแขกต่างด้าวผู้ให้กู้ ได้เรียกเก็บเงินสดใช้หนี้รายวัน หรือให้โอนเงินใช้หนี้ เข้าบัญชี ชื่อบัญชี MR.B (นามสมมุติ) จึงได้ร่วมกันวางแผนเพื่อทำการจับกุมตัว
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ชุดสืบสวนฯ ได้สืบทราบว่า ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหนี้ต่างด้าวชายสัญชาติอินเดีย จะเข้ามาเก็บเงินสดที่กู้ยืมที่แผงร้านค้าของผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ซุ่มดูละแวกใกล้เคียงแผงร้านค้าของผู้เสียหาย จนพบเจอชายลักษณะต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง เดินเข้ามายังแผงร้านค้าของผู้เสียหาย และเรียกเก็บเงินจากผู้เสียหาย โดยขณะตรวจพบผู้ถูกจับ ทราบชื่อภายหลังว่า Mr. B (นามสมมุติ) สัญชาติอินเดีย ได้นำเจ้าหน้าที่ไปยังห้องเช่าของตนเอง เพื่อที่จะแสดงเอกสารหนังสือเดินทางที่อยู่ในห้องเช่า เจ้าหน้าที่ฯ เข้าตรวจสอบในห้องเช่า พบเอกสารหนังสือเดินทางปรากฏชื่อ Mr. B (นามสมมุติ) สัญชาติอินเดีย ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึง 16 พ.ย.2567 จากนั้น ได้ตรวจสอบภายในห้องพัก พบสมุดบัญชีธนาคาร ที่ใช้ในการรับโอนเงินกู้ ที่มีเลขบัญชีตรงกับที่ผู้เสียหายแจ้ง พร้อมด้วยบัตรเอทีเอ็มที่ใช้สำหรับถอนเงินที่ได้รับจากการเก็บเงินกู้ และ สมุดโพยจดบัญชีเก็บเงินกู้ วางอยู่บนพื้นข้างฟูกที่นอนภายในห้องเช่าดังกล่าว โดยผู้ถูกจับไม่ได้รับใบอนุญาตทำงาน แต่ได้มาประกอบอาชีพ ปล่อยเงินกู้เลี้ยงชีพของตน จึงจับกุมดำเนินคดีในฐานความผิด “ให้ผู้อื่นยืมเงิน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และ ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานฯ” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 มาตรา 4 และ พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 8 สถานที่จับกุม บริเวณด้านหน้าร้านแผงลอยใน ตำบลไทรม้า อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2566 เวลาประมาณ 20.45 น. โดยนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง แล้วจะได้สืบสวนปราบปรามขยายผลเพื่อหากลุ่มชาวอินเดียที่มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้ดังกล่าวต่อไป
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง