“ผบ.ตร.”แต่งตั้งให้ ผู้ช่วยฯอ้อ”เป็นหัวหน้า พงส.ลุยสางคดี”140 ล้าน”แทน”รองฯโจ๊ก”

274

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.บรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. ผู้สื่ิอข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (5 ม.ค.67) เวลา 10.00 น.พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 5)(สส 3) เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 670/2566 ลงวันที่ 29 พ.ย. 66 เพื่อเร่งรัดติดตามผลการดำเนินคดีอาญาที่ 737/2566 ของ สภ.คูคต จว.ปทุมธานี

โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน , พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร,ผบช.ประจำ ตร.พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอกผบช.ภ.1 พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2,พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พร้อมด้วยคณะพนักงานอัยการ และพนักงานสืบสวนสอบสวน เข้าร่วมประชุม

พล.ต.ท.อัคราเดช เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้ตน เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคนใหม่ เเทน ท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. “โดย ขอเวลา 2 สัปดาห์ ศึกษาคดีละเอียด ก่อนประชุมร่วมอัยการ จัดพนักงานสอบสวนเเน่นกว่า 60 คน

สำหรับคดีดังกล่าวนี้ มีอำนาจหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบตาม ป.วิ อาญา ทำการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาในความผิดดังกล่าว รวมทั้งความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และหากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีผู้อื่นร่วมกระทำความผิดหรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกัน ก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนั้นๆ แล้วรายงานผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ

ซึ่งจากการประสานงานกับทางพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจ ซึ่งเป็นชุดใหม่ได้เเจ้งว่า ทางพนักงานสอบสวนจะขอเวลาศึกษาข้อมูลคดีในสำนวนอย่างละเอียด ก่อนที่จะนัดประชุมร่วมกับคณะพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์ จะมีการประชุมความคืบหน้ากันต่อไป

ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีการกล่าวหา พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ กับพวกรวม 10 ราย ตลอดจนบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในข้อกล่าวหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง” กรณีไปจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันแล้วนำตัวไปรีดเงิน 140 ล้านบาท เพื่อแลกกับการเคลียร์คดี จนมีวลีเด็ดว่า “เป้รักผู้การเท่าไร เป้เขียนมา” แต่ภายหลังกลุ่มผู้ต้องสงสัยไม่พอใจกับพฤติกรรมของตำรวจชุดจับกุม จึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจชุดดังกล่าว ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณา และต่อมา ป.ป.ช. ก็มีคำสั่งให้ส่งสำนวนกลับมาให้ชุดพนักงานสอบสวนทำคดีต่อ

ซึ่งคดีดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จะต้องมีพนักงานอัยการเข้าไปร่วมสอบสวนกับตำรวจในชั้นสอบสวนด้วย ซึ่งเดิมทีเป็นอำนาจของสำนักงานอัยการจังหวัดปทุมธานี แต่เนื่องด้วยมีการเกิดเหตุในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี และ เชียงราย ทางสำนักงานอัยการจังหวัดปทุมธานี จึงทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดว่า เห็นควรให้ทำคดีนี้อย่างไร ซึ่งต่อมาอัยการสูงสุด ก็ได้มีคำสั่งให้สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ทำคดีร่วมสอบสวนกับตำรวจ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานทำสำนวนเสนอไปยังอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตฯ พิจารณา

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์